11 วิธีประหยัดพลังงาน
By vLIVING PRO25 พฤศจิกายน 2567 10:03:06

11 วิธีประหยัดพลังงาน ในบ้าน วันนี้เรามีวิธีง่ายๆที่ช่วยประหยัดพลังงานภายในบ้าน มาฝากกัน

1.ปิดไฟเมื่อไม่ได้ใช้

เริ่มปิดไฟในห้องที่ไม่มีคนอยู่และปิดปลั๊กไฟเมื่อเลิกใช้งานปฏิบัติจนเป็นนิสัยเมื่อออกจากห้องให้ปิดไฟทุกครั้ง

2.เปิดแอร์ที่พอเหมาะ

สำหรับการใช้เครื่องปรับอากาศควรเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 25 องศา เซลเซียส หากอากาศร้อน ควรเปิดพัดลมช่วยระบายอากาศแทนการเร่งแอร์ให้ต่ำสุด

 

3.งดเปิดแอร์หากมีอากาศเย็น

หากอากาสหนาวหรือฝนตก อาจจะงดเปิดแอร์แล้วหันมาเปิดพัดลมหรือหน้าต่างเพื่อช่วยระบายอากาศช่วยประหยัดไฟไปได้เยอะมากยิ่งขึ้น

 

4.ซักมือแทนการซักผ้า

หากผ้ามีไม่เยอะมากให้ซักมือแทนการใช้เครื่องซักผ้า

 

 

5.ปิดหน้าคอมพิวเตอร์เมื่อไม่ได้ใช้งาน

ปิดคอมพิวเตอร์ทุกครั้งเมื่อได้มีการใช้งาน 

 

6.ติดม่านเพื่อป้องกันความร้อน

หากบ้านเป็นกระจกที่โดนแดดมากๆควรติดม่านกันแสงเพื่อให้เครื่องปรับอากาศไม่ทำงานหนักจนเกินไปแล้วยังจะช่วยลดค่าไฟได้อีก

7.อย่าเปิดตู้เย็นค้างไว้นานๆ

ห้ามนำของร้อนมาใส่ไว้ในตู้เย็น จะเป็นการทำให้ตู้เย็นทำงานหนักมากเกินไป

 

8.ถอดปลั๊กออกทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งาน

ถอดปลั๊กทันทีที่เลิกใช้งานช่วยเรื่องประหยัดไฟแล้วยังช่วยลดการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้อีก

9.รีดผ้าครั้งละหลายๆตัว

ไม่ควรพรมน้ำเยอะ เพราะจะทำให้ใช้ความร้อนและเสียค่าไฟมากขึ้น

 

 

10.ทำความสะอาดหรือบำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นประจำ

หากปล่อยให้ฝุ่นเกาะหนาจะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานหนักขึ้น

 

vLIVING PRO
สนใจติดต่อโฆษณาเว็บไซต์กับ vLIVING PRO โทร.02-101-9493 #16, 082-359-3382
บทความอื่นที่น่าสนใจ
  •  สกายไลท์ หรือหลังคาโปร่งแสง ที่ติดตั้งไว้บริเวณหลังคาหรือฝ้าเพดาน เพื่อให้แสงสว่างส่องผ่านเข้ามาในบ้านได้ แล้วช่องแสง    สกายไลท์ จะติดตั้งตรงบริเวณไหนของบ้านได้บ้างนะ? เรามาดูกันค่ะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ช่องแสงสกายไลท์ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการตกแต่งบ้าน และยังช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้อีกด้วย เพื่อนๆ ลองดูนะคะว่าแบบไหนจะเหมาะกับการใช้งานสำหรับบ้านของเรา

  • การเลือกใช้วัสดุสำหรับทำโครงตู้เฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสมกับบ้านของเรา และเพื่อการใช้งานจึงมีความสำคัญมาก ดังนั้นวันนี้เราจึงมีเทคนิคในการเลือกใช้วัสดุชนิดต่างๆ มาฝากทุกคนค่ะ

     

      

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    วัสดุที่ใช้ทำโครงตู้เฟอร์นิเจอร์แต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกใช้ควรเลือกให้เหมาะสม ถูกประเภทและถูกขนาดด้วยนะคะ

  • ศัพท์ช่างวันนี้ มาในเรื่องของ " ตะปู "  เป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลยในงานช่าง

    แล้วตะปูมีกีแบบ มาดูกันเลยคร้าบบ

     

     

     

     

  • " กระดาษทราย "  เป็นสิ่งที่ช่างคุ้นเคยกันดี

    สำหรับช่าง ผมมีข้อมูลมาฝากเพื่อนๆกันครับ

     

  • ใครที่เคยพูดว่าดอกไม้ เมื่อแห้งเหี่ยวแล้วก็ต้องโยนทิ้งไป คงต้องเปลี่ยนความคิดซะแล้วหล่ะ เพราะดอกไม้แห้งก็สวยงามได้ ถ้าสามารถรักษารูปทรงเดิมให้อยู่ได้ เรามายืดอายุให้กับดอกไม้กันเถอะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นดอกอะไรก็สามารถทำได้ และไม่ยุ่งยาก จะทำเป็นของที่ระลึก ของขวัญ หรือทำเป็นบุหงารำไป ช่วยเพิ่มความหอมสดชื่นให้บ้านก็ได้นะคะ งั้นเรามาเริ่มทำไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ

    1. ตากดอกไม้เพื่อทำดอกไม้แห้งให้ฟอร์มยังคงความสวยงามอยู่เหมาะเดิม

    วิธีทำมีดังนี้

    1. เลือกดอกไม้ที่ต้องการทำเป็นดอกไม้แห้ง  เด็ดกลีบช้ำ ขาด แหว่ง หรือไม่สวยทิ้งไป

    2. ตัดก้านดอกไม้ออกสักนิด แต่ต้องไม่น้อยกว่า 6 นิ้ว

    3.  ใช้เชือกมัดตรงปลายก้านรวมกันเป็นช่อ สำหรับแขวนกลับหัว ให้ดอกไม้ห้อยลงล่าง ก้านชี้ขึ้นข้างบน เพื่อรักษาตัวดอกไม้ให้คงรูป ในห้องที่มีอากาศถ่ายเท ป้องกันการเกิดเชื้อราที่กลีบของดอก

    4. ทิ้งไว้ 2-3 สัปดาห์ดอกไม้จะแห้งสนิท และก้านจะตั้งตรงไม่หักงอ 

    วิธีนี้เหมาะกับดอกไม้ที่มีกลีบหนาและทน แต่ไม่เหมาะกับดอกไม้ประเภทกลีบบางช้ำง่าย เพราะกลีบจะเหี่ยวย่น ยับยู่ หรืออาจจะร่วงระหว่างตากลมได้ค่ะ

      

     

    2. แช่ด้วยสารดูดความชื้น หรือซิลิก้าเจล เป็นสารที่ใส่อยู่ในถุงเล็กๆ ที่ติดมากับห่อขนม กล่องรองเท้า กระเป๋า หรือผลิตภัณฑ์บางประเภท สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายเคมีทั่วไป และสามารถใช้ซ้ำได้เรื่อยๆ

    วิธีการทำมีดังนี้

    1. เอาสารดูดความชื้นใส่ในภาชนะทรงสูง แล้วตั้งดอกไม้ให้ตรง จัดให้อยู่ในทรงที่เราต้องการ

    2. เทสารดูดความชื้นให้ดอกไม้ให้มิด

    3. ปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 3-7 วัน แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ หรือถ้าอยากได้เฉพาะดอก ก็สามารถตัดก้านออกได้ แล้วใส่ในภาชนะที่ไม่ต้องสูงมาก 

    4. เอาเข้าไมโครเวฟ 1-2 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย หรือหากไม่มีไมโครเวฟ ก็สามารถวางทิ้งไว้เฉยๆ ได้ แต่จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์

    5. ล้างมือให้สะอาด ภาชนะที่นำมาใช้ก็ทิ้งไปเลยนะคะ หรือนำไปใช้อย่างอื่นก็ได้ แต่ห้ามใช้ใส่อาหารเด็ดขาด

     

     

    3. การทับดอกไม้ วิธียอดฮิตสมัยเด็กๆ

    วิธีการทำมีดังนี้ 

    1. เลือกดอกไม้ ควรใช้ดอกไม้ที่มีขนาดเล็กและแบน หลีกเลี่ยงการใช้ดอกไม้ที่มีก้านอ้วนๆ หรือที่มีกลีบบาง เพราะจะได้รับความเสียหายได้ง่าย
     
    2. วางดอกไม้บนกระดาษที่ผิวแห้ง ด้าน ไม่มันเงา เช่น หนังสือพิมพ์ กระดาษแข็งหรือกระดาษทิชชู่
     
    3. นำไปสอดไว้ในหนังสือเล่มหนาอีกครั้ง อาจใส่กล่อง หรือแผ่นไม้หนักๆ วางทับลงอีกที ทิ้งไว้ประมาณ 1-3 อาทิตย์ แค่นี้ก็จะได้ดอกไม้แห้งที่บางเรียบคงตัวตามแบบที่จัดไว้ แล้วอาจนำไปใส่กรอบรูป หรือเคลือบทำเป็นที่คั่นหนังสือก็ได้
     
      
     
     
    4. การอบแห้งในเตาอบลมร้อน
     
    วิธีการทำมีดังนี้
    1. เตรียมดอกไม้ที่ต้องการ แล้วตัดลวดตาข่ายแบบดัดได้ ขนาดใหญ่พอสำหรับดอกไม้ จากนั้นวางดอกไม้พาดช่องว่างของตะแกรง
     
    2. เปิดไฟวอร์มเตาอบก่อน และควรใช้เตาอบลมร้อนที่ระบายอากาศได้ดี โดยใช้อุณหภูมิต่ำ เมื่อเตาอบร้อนถึง 38ºC ให้วางตะแกรงที่เรียงดอกไม้ใส่เข้าไปในเตาอบ
     
    3. ปล่อยทิ้งไว้ในเตาอบลมร้อนประมาณ 1 ชั่วโมง การใช้ระยะเวลาในการอบแห้งจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดและจำนวนของดอกไม้ที่ใช้ ไม่ควรใช้เตาอบทั่วไป เพราะมีความชื้นมากเกินไป
     
    4. เมื่อดอกไม้แห้งสนิทแล้ว นำออกมาจากเตาอบและพักไว้บนตะแกรงให้เย็นลง แล้งฉีดสเปรย์ใส่ผม หรือสารคงสภาพดอกไม้ เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ทนทานของดอกไม้แห้ง
      
     

    ลองทำตามกันดูนะคะ เป็นวิธีที่ง่ายๆ มีให้เลือกหลายวิธี และหากเพื่อนๆ คนไหน ทำแล้วติดใจ อาจลองทำขายก็ได้นะคะ ใช้เวลาว่างให้เกินประโยชน์ แถมยังสามารถทำเป็นรายได้เสริมได้อีกด้วยค่ะ 

     

    ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest