รังวัด
By vLIVING PRO27 ธันวาคม 2567 09:53:05

การรังวัดที่ดิน

ในการทำรังวัดจะต้องยื่นเรื่องขอให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน มาเพื่อดำเนินการตรวจสอบ เพราะเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่ที่หวงสิทธิในที่ดินของตนเอง จะทำการ รังวัดที่ดินในทุกๆ 10 ปี เพื่อเป็นการป้องกันการครอบครองปรปักษ์ ในส่วนของการยื่นเรื่องขอการรังวัดก็จะมีขั้นตอนและมีค่าใช้จ่ายในการรังวัดโฉนดที่ดินด้วย

1.ตรวจสอบหลักฐานที่ดินที่ครอบครอง

     ที่ดินในประเทศไทย สามารถแบ่งออกไปได้หลายประเภทและการใช้ประโยชน์ แบ่งได้ออกเป็น ที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรม ทีดินเพื่อการเกษตร เป็นต้น แล้วที่ดินแต่ละประเภทนี้ก็จะมีเอกสารสิทธิ์ หรือ เอกสารต่างๆ แตกต่างกันไป ได้แก่

  • น.ส 3 เป็นหนังสือที่ได้การรับรองจากเจ้าหน้าที่ว่า ได้ทำประโยชน์ในที่ดิน แต่สิทธิ์ครอบครองไม่มีกรรมสิทธิ์ โดยหนังสือเป็นแบบธรรมดามีการรังวัด และจัดทำแผนที่ดิน

  • น.ส 3กเหมือนกับ น.ส3 จะแตกต่างกันที่มีการรังวัด และจัดทำแผนที่ของที่ดินจากภาพระวางรูปถ่ายทางอากาศ

  • นส.4 ครุฑสีแดงสามารถซื้อขาย จำนองได้ สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้

2.ตรวจสอบพื้นดินรอบข้าง

เจ้าของที่ดินควรจะทราบว่าพื้นที่รอบข้างที่ติดอยู่นั้นเป็นพื้นที่อะไร เช่น ติดกับพื้นที่สาธารณะไหม หรือเป็นที่ดินเปล่า สวน ไร่ นา หรือเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย เพื่อเป็นการไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาในภายหลัง

vLIVING PRO
สนใจติดต่อโฆษณาเว็บไซต์กับ vLIVING PRO โทร.02-101-9493 #16, 082-359-3382
บทความอื่นที่น่าสนใจ
  • สิ่งของรอบตัวในบ้านที่เราใช้กันอยู่ทุกวันบางที เราอาจจะไม่รู้เลยว่า

    ที่ใช้ๆกันอยู่แฝงไปด้วยอันตรายมากน้่อยแค่ไหนวันนี้เรามาดุกันว่ามีอะไรบ้างนะ

     

     

    1.สารเคมีใน Printer

                    ปริ้นเตอร์ที่พิมพ์งานได้คมชัดจะปล่อยสารเคมี VOCs(สารระเหยง่ายในอากาสที่จัดว่าเป็นพิษ)

    ออกมาในปริมาณที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ของคนใช้งานได้และมีความเกี่ยวพันกับการเกิดโรคหัวใจ

    และโรคปอดขึ้นอยู่กับอายุของเครื่อง และส่วนประกอบอื่น ๆ ในเครื่องด้วย ซึ่งสิ่งที่ควรคำนึงถึงในการนำมาใช้งาน

    คือ สถานที่วาง ไม่ควรให้มีใครเข้าไปนั่งใกล้ ๆ เป็นระยะยาว โดยเฉพาะในสำนักงาน

     

     

    2.สีที่มีสารตะกั่ว

                         จะส่งผลเสียต่อสุขภาพมากมาย ทั้งระบบ ประสาท สมอง เซลล์ เมื่อทาทิ้งไว้เป็นเวลานาน

    มันจะลอกออกมาและเป็นอันตรายไม่ควรไปจับหรือแกะโดยมือโดยตรง

     

     

    3.สารเคมีที่เป็นสเปรย์

                          สารเคมีในรูปสเปรย์ฉีดพ่นเช่นน้ำมันต่างๆมีเคมีทำปฏิกิริยาส่งผลต่อสุขภาพหากใช้ในที่แคบจะมี

    สารพิษตกค้าง เพราะอากาศไม่ถ่ายเทอาจทำให้เป็นสาเหตุที่ทำให้ป่วย หากจะใช้ควรทำให้มีอากาศถ่ายเทจะดีกว่า

     

     

     

     

    4.พลาสติก BPA

             BPA (Bisphenol) เป็นสารเคมีที่พบในบรรจุภัณฑ์อาหาร และเครื่องดื่มที่ทำมาจากพลาสติก สามารถสร้างความ

    ผิดปกติกับทางประสาทและการเจริญเติบโตของร่างกาย  เป็นสารที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดมะเร็งเต้านมและมะเร็ง

    ในต่อมลูกหมาก และส่งผลต่อความผิดปกติทางพันธุกรรมของเซลล์ในร่างกายอีกด้วย

     

     

    5.ลูกเหม็น

                        จะสลายตัวเป็นก๊าซที่อาจจะเป็นอันตรายหากได้รับอย่างต่อเนื่องซึ่งอาจจะไปทำลายเม็ดเลือดขาว

    หากจำเป็นต้องใช้จริงๆ ควรหาภาชนะปิดมาไว้

     

     

    6.ยาฆ่าแมลงที่ใช้ในบ้าน

                     ในบ้านเรือนไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าแมลง หรือ ยากำจัดแมลง ประเภท หนู มด แมลงสาป ล้วนมีสารเคมีทั้งสิ้น

     

     

    7.พรม

                    สารเคมีที่ใช้ในกระบวนการผลิตพรม เป็นสารระเหยไม่ดีต่อสุขภาพ หากได้รับปริมาณมากๆ   

    พรมที่ผลิตมาใหม่จะมีสารดังกล่าวในปริมาณที่มากพอที่จะทำอันตรายต่อคนได้ เมื่อซื้อพรมมาใหม่ ก่อนนำเข้าบ้าน

    ควรจะตากไว้ภายนอก 1-2วัน จึงนำมาใช้

     

     

    8.เฟอร์นิเจอร์ไม้อัด

     

                     ได้รับความนิยมในการทำเฟอร์นิเจอร์มานานในการผลิตไม้อัดและการทำเฟอร์จะมีการใช้สารเคมีมากมาย

    หากได้รับความร้อนและความชื้นอาจทำให้ระเหยออกมาทำให้เกิดอันตราย ต่อดวงตาและทางเดินหายใจ

     

     

     

     

    ลองไปสังเกตรอบๆตัวเราดูนะคะว่ามีสิ่งของประเภทนี้อยู่ภายในบ้านหรือเปล่าทางที่ดีป้องกันไว้ก่อนดีกว่านะคะ

  • บ้านคือสิ่งที่ต้องดูแลรักษา เพราะเป็นสิ่งที่เราใช้ชีวิตมากที่สุด มาเช็คกันดีกว่า จุดไหนที่ควรระวังหรือดูแลเพื่อให้ไม่เกิดความเสี่ยงหรือต้องเสียเงินซ่อมบำรุงบานปลาย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

  • บันได ถือเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่สำคัญของบ้าน ซึ่งบ้านเกือบทุกหลังจำเป็นต้องมีบันได โดยสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือขนาดของลูกตั้ง ลูกนอนที่เหมาะสม เพื่อให้สมาชิกทุกคนภายในบ้านใช้บันไดได้อย่างสบายเท้า ดังนั้นบันไดที่ดี จึงควรมีลักษณะ ดังนี้

     

     

     

     

    บันได ถือเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่สำคัญของบ้าน ซึ่งบ้านเกือบทุกหลังจำเป็นต้องมีบันได โดยสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือขนาดของลูกตั้ง ลูกนอนที่เหมาะสม เพื่อให้สมาชิกทุกคนภายในบ้านใช้บันไดได้อย่างสบายเท้า ดังนั้นบันไดที่ดี จึงควรมีลักษณะ ดังนี้

     

    1. ลักษณะและขนาดของลูกตั้ง และลูกนอนที่ดี

    ลูกตั้ง คือ ระยะตั้งของบันไดแต่ละขั้น

    ลูกนอน คือ ระยะราบที่ใช้เดินเหยียบบันไดแต่ละขั้น

    สูตรการคำนวณลูกตั้งลูกนอนบันได คือ ลูกตั้ง + ลูกนอน = 45

    ตัวอย่างการคำนวณ ลูกตั้งลูกนอน  ลูกตั้ง + ลูกนอน = ผลรวม   เช่น     18+ 27 = 45  เป็นต้น

     

     

    ตัวอย่างบันไดที่เดินสบาย

    ดังนั้น บันไดที่เดินแล้วสบายเท้า ลูกตั้ง จะอยู่ที่ 17 – 18 เซนติเมตร ส่วนลูกนอน จะอยู่ที่ 27 – 28 เซนติเมตร 

    ตามกฎหมายระบุไว้ว่า ลูกตั้งต้องไม่เกิน 20 เซนติเมตร ส่วนลูกนอนต้องกว้างไม่น้อยกว่า 22 เซนติเมตร

    (เพราะถ้าความกว้างของลูกนอนน้อยเกินไป จะทำให้เหยียบได้ไม่ถนัดเท้า)

     

    1. ความสูงของช่วงบันได

     

    ในกรณีที่ความสูงระหว่างชั้นไม่เกิน 3 เมตร สามารถใช้บันได ช่วงเดียวได้เลย

    แต่ถ้าความสูงระหว่างชั้นเกิน 3 เมตร ควรแบ่งช่วงบันได

     

    1. ชานพัก

      

    มีไว้เพื่อแบ่งช่วงบันได และความยาวของชานพัก ต้องไม่น้อยกว่าความกว้างของบันได

    รวมถึง ระยะดิ่งจากขั้นบันได หรือชานพัก ถึงเพดานเหนือหัว ต้องสูงไม่น้อยกว่า 1.90 เมตร

     

     

    บันไดบ้านจะสวยมากน้อยแค่ไหนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ การมีบันไดที่ได้สัดส่วนตามมาตรฐาน ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย เหมาะสม และปลอดภัยกับทุกคนในครอบครัวเป็นอย่างดี 

     

    ขอคุณภาพประกอบจาก Pinterest

  • วิธีกำจัดหนู
    By vLIVING PRO28/02/2561

                 หนูและเป็นสัตว์ที่น่ารำคาญสำหรับภายในบ้านหากเราไม่อยากฆ่าให้รู้สึกบาปวันนี้เรามีเทคนิคดีๆมาฝากกัน

     

     

    1.น้ำมันก๊าด/น้ำมันสน

                  กลิ่นของน้ำมันก๊าดสามารถไล่หนูได้ วิธีการแค่เทน้ำมันก๊าดใส่ถ้วยเล็กๆวางไว้ตามจุดที่คาดว่าเป็นที่อยู่หนูหรือจะวางไว้แหล่งอาหารของหนูก็ได้

     

     

     

    2.ลูกเหม็น

    กลิ่นของลูกเหม็นจะไม่รุนแรงเท่าน้ำมันก๊าด แต่หนูไม่ชอบกลิ่นสักเท่าไหร่

    3.เปิดไฟให้สว่าง

    หนูเป็นสัตว์ที่ชอบความมืดแสงไฟทำให้หนูแสบตาไม่กล้าออกมาแสดงตัวเท่าไหร่นัก

     

    4.ประทัด

                           เสียงของประทัดทำให้หนูตกใจแตกกระเจิงลองใช้ประทัดมาจุดใกล้ๆรังหนูเพื่อให้มันอพยพออกไป ไม่ควรโยนใส่ตัวหนูเกินไป

     

     

    5.กรงดักหนู

                  ซื้อกรงดักหนูแล้วนำเหยื่ออาหารมาใส่เข้าไปเมื่อหนูวิ่งเข้าไปในกรง กรงจะปิดลง หากหนูมาติดกับแล้วควรเอาไปปล่อยไกลๆจากแหล่งที่อยู่อาศัยเพื่อไม่ให้กลับเข้ามาอีก

     

    6.ต้นยี่โถ

    นำกิ่งยี่โถไปวางในบริเวณที่หนูชุกชุมเพราะกลิ่นของต้นยี่โถมีกลิ่นแรงทำให้หนูทนไม่ไหว

     

    7.เลี้ยงแมว

    แมวเป็นสัตว์ที่จมูกไวมาก หากเราเลี้ยงไว้บ้านก็จะไม่มีหนูอีกต่อไปเพราะแค่หนูได้กลิ่นแมวก็จะไม่สามารถอยู่ได้แล้ว

     

    8.ปิดทางเข้า

                   ลองสำรวจบ้านดูว่ามีจุดไหนที่หนูสามารถเข้ามาได้ เช่น รอยแยกฝ้าเพดาน ประตู หน้าต่างห้องครัว หรือท่อน้ำ จัดการปิดรอยรั่วให้หมดเพื่อไม่ให้หนูเข้ามาได้

     

     

    9.กำจัดแหล่งอาหาร

                       ไม่ควรทิ้งเศษอาหารวางไว้ในบ้านเช่นอ่างล้างจาน หากเราปล่อยไว้จะทำให้หนูเข้ามาเอาเศษอาหารทำให้เกิดพาหะ นำโรคหลายๆอย่างได้

     

     

     

              สิ่งสำคัญที่สุดก่อนจะกำจัดหนูอันดับแรกเลย เราควรรักษาความสะอาดของบ้านเพื่อไม่ให้หนูเข้ามากวนใจ มาทำข้าวของภายในบ้านเสียหายได้

     

  • ฝุ่น ฝุ่น ฝุ่น ตัวปัญหาภายในบ้าน เพราะมันมีขนาดเล็กที่เข้าไปได้ทุกซอกทุกมุม

    วันนี้ผมมีเทคนิคกำจัดฝุ่นง่ายๆมาฝากเพื่อนๆกันนะคร้าบบ