ต้นไม้ยอดนิยม
By vLIVING PRO21 กุมภาพันธ์ 2561 10:56:27

ต้นไม้นอกจากจะทำให้บ้านร่มรื่น และบดบังแสงแดดได้แล้ว ยังเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ช่วยให้บรรยากาศของบ้านสดชื่นอีกด้วย หากใครกำลังคิดอยากจะหาต้นไม้มาปลูกไว้ในบ้าน วันนี้เรามีต้นไม้ยอดนิยมหลากหลายชนิดมาฝาก ลองดูนะคะว่าต้นไม้ชนิดไหนบ้างที่เหมาะกับบ้านของคุณค่ะ

 

การปลูกต้นไม้ใหญ่ อาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่ควรดูแลให้เหมาะสม เพราะอย่างน้อยพรรณไม้พวกนี้ก็สามารถให้ความสดชื่นและความสบายใจแก่คนในครอบครัวได้อย่างแน่นอนค่ะ ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อต้องคิดวางแผนเลือกต้นไม้ที่จะปลูกให้รอบคอบ เพราะหากปลูกแล้วคงเป็นเรื่องใหญ่ที่จะถอนทิ้งภายหลัง บางชนิดกิ่งก้านอาจหักลงมา หรือรากต้นไม้อาจชอนไชทำให้บ้านเสียหายได้ค่ะ

vLIVING PRO
สนใจติดต่อโฆษณาเว็บไซต์กับ vLIVING PRO โทร.02-101-9493 #16, 082-359-3382
บทความอื่นที่น่าสนใจ
  • ถ้าคุณเป็นคนที่รักผิวสัมผัสที่เรียบเนียน และความเรียบร้อยของงานตกแต่งผนัง หรือพื้นผิว ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกับเจ้า "สกิมโค้ท" กันดีกว่าค่ะว่าจะมีคุณสมบัติที่ดีอย่างไรบ้าง? ที่จะช่วยให้ผนัง หรือพื้นผิวต่างๆ ที่บ้านของคุณมีความสวยงาม

     

      

     

     

     

    การใช้สกิมโค้ทจะช่วยปกปิดร่องรอยบนพื้นผิวให้เรียบร้อย และพร้อมสำหรับการตกแต่งสีต่อไป ช่วยให้ผิวผนังเรียบเนียน หากเพื่อนๆ สนใจลองนำความรู้นี้ไปใช้ดูได้นะคะ

  •                 การจัดพื้นที่บ้านให้เหมาะสมกับทิศทางของแดดและลม เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก ที่เราไม่สามารถมองข้างได้ จึงควรทำความเข้าใจในเรื่องทิศทางแดดและลม ตามแต่ละฤดูกาลของบ้านเราอย่างถูกต้อง เพื่อช่วยทำให้ให้บ้านไม่ร้อน มืดทึบ หรือมีกลิ่นเหม็นอับ ในตอนกลางวัน

     

      

                    แสงแดดในยามเช้า จะวิ่งจากทิศตะวันออก แล้วอ้อมโค้งไปทางทิศใต้ ก่อนจะตกลงในทิศตะวันตก ทำให้ทิศใต้ไปจนถึงทิศตะวันตก จะได้รับแสงแดดมากที่สุด คือ ตั้งแต่หลังเที่ยงวันไปจนถึงเวลา 5 โมงเย็น ดังนั้นจึงควรใช้ทิศทางนี้ในการทำกิจกรรมต่างๆที่ต้องการแสงแดด เช่น ใช้ตากผ้า หรือปลูกต้นไม้ที่ต้องการแสงแดด เป็นต้น

     

     

    ทางทิศตะวันออกจะได้รับแสงอ่อนๆในตอนเช้า และแดดจะแรงจัดในช่วงเวลา 10 โมงเช้าถึงเที่ยงวัน

     

     

    ทางทิศเหนือจะได้รับแสงแดดน้อยที่สุด เหมาะกับห้องที่ต้องการแสงน้อย เช่น ห้องนอน และห้องรับแขก เป็นต้น

     

     

    ตำแหน่งของบ้านที่ลมสามารถวิ่งผ่านได้ดี คือ ต้องอยู่ในแนวผ่านของลมประจำฤดู ดังนี้

     

     

    หน้าหนาว ลมจะพัดจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้

     

     

     

    หน้าร้อน และหน้าฝน ลมจะพัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ ไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

     

     

    ขนาดของช่องลมเข้า – ออกที่ดีที่เหมาะสำหรับบ้าน คือ

     

    ช่องลมเข้า ควรมีขนาดเล็กกว่า หรือเท่ากับช่องลมออก

     

     

     

    ถ้าช่องลมเข้ามีขนาดใหญ่กว่า แล้วช่องลมออกมีขนาดเล็กกว่า หรือไม่มีช่องลมออกเลย

    จะทำให้อากาศถ่ายเทได้ไม่สะดวก และควรหันด้านที่ยาวที่สุดของตัวบ้านเข้าหาทิศทางของลม เพื่อให้ลมธรรมชาติสามารถพัดเข้าในตัวบ้านได้ เป็นการช่วยระบายความร้อนออกจากตัวบ้านให้ได้มากที่สุด ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายาจากการเปิดใช้เครื่องปรับอากาศได้อีกด้วย

     

           เมื่อทราบถึงทิศทางของแสงแดด และสายลมแล้ว  ก็จะช่วยให้เราสามารถปรับเปลี่ยน แก้ไขบ้านได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้บ้านมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก มีทั้งลมเข้า ลมออก และบ้านของเราจะเป็นบ้านที่เย็นสบายตลอดทั้งปี                                                   

  • ม่าน นอกจากจะเป็นอุปกรณ์สำคัญอย่างหนึ่งในการช่วยตกแต่งบ้านให้ดูมีความสวยงามมากขึ้น มีระดับ  และแสดงถึงรสนิยมของเจ้าของบ้านแล้ว  ม่านยังมีประโยชน์อีกมากมายหลายอย่าง ที่เราอาจนึกไม่ถึง หรือมองข้างไป รวมทั้งการเลือกใช้ผ้าม่านแต่ละประเภทให้ถูกต้องเหมาะสมกับบ้าน และการใช้งานด้วย

                    

    ประโยชน์ของผ้าม่าน

    1. ช่วยป้องกันแสงแดดที่ส่องเข้ามาในบ้าน
    2. ช่วยป้องกันเฟอร์นิเจอร์ไม่ให้สีซีดจาง เนื่องจากถูกแสงแดดส่องเข้ามาในบ้าน
    3. ช่วยพลางสายตาจากคนภายนอกเพื่อความเป็นส่วนตัวได้
    4. ช่วยแบ่งกั้นห้องเพื่อให้เป็นสัดส่วน แทนการก่อกำแพง
    5. สามารถกั้นเป็นห้องแต่งตัวได้
    6. ช่วยลดเสียงดังจากภายนอกได้
    7. ช่วยดูดซับเสียง และช่วยลดเสียงสะท้อน
    8. ช่วยทำให้บ้านดูโดดเด่นสวยงาม

     

    ประเภทของม่าน

    1. ม่านจีบ มีลักษณะเป็นจีบด้านบน เว้นระยะห่างเท่าๆกัน สามารถติดได้ 2 ชั้น คือ ม่านโปร่ง และม่านทึบ และสามารถเข้าได้กับการตกแต่งบ้านทุกสไตล์  เช่น บ้านสไตล์โมเดิร์น หรือวินเทจ เป็นต้น เพียงแค่ต้องเลือกเนื้อผ้า สี และลายให้เหมาะสมกับสไตล์ของบ้านนั้นๆ

     

    2. ม่านพับ เวลาดึงม่านขึ้น ม่านจะพับเป็นชั้นซ้อนทับกัน ม่านพับจะมีความแข็งแรง ประหยัดพื้นที่ และทำความสะอาดง่าย  สามารถถอดซักได้


     

    3. ม่านม้วน มีลักษณะเป็นแกนม้วนสปริงอยู่ด้านบน ป้องกันความร้อนและแสงแดดได้ดี ใช้งานง่าย สะดวก ปรับความสูงได้ตามต้องการ รวมทั้งทำความสะอาดง่ายไม่เก็บฝุ่น และใช้พื้นที่ในการติดตั้งน้อย


     

    4. ม่านคอกระเช้า เหมาะกับการตกแต่งบ้านในสไตล์ร่วมสมัย เช่น สไตลืวินเทจ เป็นต้น ควรเลือกผ้าม่านที่มีสีโทน เดียวกันกับราวม่าน และมีลวดลายไม่มากนัก


     

    5. ม่านตาไก่ มีลักษณะเป็นลอน เรียบง่าย และใช้ได้ทุกยุคสมัย ไม่ตกยุค ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบา

     

    6. ม่านหลุยส์ เน้นความหรูหรา ประณีต มีระดับ แต่ม่านหลุยส์มีข้อเสีย คือ ดูแลรักษายาก และเก็บฝุ่น

     

    7. มู่ลี่ แข็งแรง ทำความสะอาดได้ง่าย ไม่เก็บฝุ่น สามารถปรับแสงได้ตามต้องการ มี 3 ประเภทหลักๆ คือ

    •     มู่ลี่ไม้
    •     มู่ลี่ไม้โฟมวู๊ด (เลียนแบบไม้จริง)
    •     มู่ลี่อะลูมิเนียม  มีความคงทน ใช้งานง่าย

     

    8. ม่านปรับแสง สามารถปรับแสงได้ 180 องศา ส่วนใหญ่ทำมาจากวัสดุสังเคราะห์ กรองแสงได้ดี มี 2 แบบ คือ

    • แบบทึบแสง
    • แบบแสงผ่านได้

     

    หวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความจะมีส่วนช่วยให้หลายๆคนที่กำลังเลือกซื้อม่าน ได้ตัดสินใจซื้อได้อย่างถูกต้องเหมาะสม  และไม่ว่าจะเลือกซื้อม่านแบบไหน หรือชนิดใดก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา คือ ประโยชน์ใช้สอย  และแบบของผ้าม่านที่เข้ากันสไตล์การแต่บ้านของเราด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของเจ้าของบ้านเป็นหลัก

     

    ขอบคุณรูปภาพจาก Pinterest

  • ปัญหากระเบื้องระเบิดเป็นปัญหาที่เกิดกับเทคนิคการปูกระเบื้องโดยตรงเพราะตามลักษณะของกระเบื้องแล้วหากใช้วิธีการปูที่ไม่ดีอาจทำให้เกิดปัญหาที่ทำให้กระเบื้องแตกร้าว หรือระเบิดได้ดังนี้

    1.ปูกระเบื้องเว้นแนวร่องชิดเกินไป

    ช่างหลายคน ชอบปูกระเบื้องร่องชิด เพื่อให้ดูสวยงาม แต่หากในบริเวณที่ปูกระเบื้องนั้น มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิระหว่างวันมาก คือ กลางวันอากาศร้อนจัด ส่วนเวลากลางคืน อุณหภูมิก็ลดลงเร็ว ทำให้ตัวกระเบื้องมีการขยายตัวตอนกลางวัน และหดตัวตอนกลางคืน แต่เมื่อมีการปูกระเบื้องเว้นร่องน้อย ทำให้เมื่อกระเบื้องมีการขยับตัว จะเบียดกันเอง ทำให้เกิดการโก่ง และแตกออกมาจากพื้นได้

    2.ไม่ได้ทาปูนกาวลงบนหลังกระเบื้อง หรือมีการปูกระเบื้องแบบซาลาเปา

    ช่างกระเบื้องบางคน เวลาปูกระเบื้อง จะทาปูนลงบนพื้นเท่านั้น แต่ไม่ได้ทาปูนกาวที่แผ่นกระเบื้อง โดยช่างจะทำการวางกระเบื้องบนปูนที่เตรียมไว้ และเคาะให้ได้ระดับไปเลย ทำให้การยึดเกาะตัวระหว่างพื้นกับกระเบื้องไม่ดีเท่าที่ควร (จะเห็นจากรูปกระเบื้องที่แตก หลุดร่อนออกมา ไม่มีปูนติดกระเบื้อง)  หรืออาจเกิดจากการที่ช่างใช้วิธีปูกระเบื้องแบบซาลาเปา คือ ใส่ปูนแค่บริเวณกลางแผ่นกระเบื้อง แล้วทำการเคาะให้ได้ระดับ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ช่างทำงานง่าย และเร็ว แต่ประสิทธิภายในการยึดเกาะของกระเบื้องกับพื้นเดิม ไม่ดี และกระเบื้องก็มีโอกาส แตกบิ่น บริเวณมุมได้ง่ายอีกด้วย

     

    การแก้ไขสำหรับกรณีที่เกิดกระเบื้องระเบิด

    1.ควรเลาะกระเบื้องเก่าออกทั้งหมด แล้วทำการปูใหม่และสำหรับบ้านสร้างใหม่ เราก็สามารถป้องกันปัญหาดังกล่าวได้

    2.การปูให้ถูกวิธีตั้งแต่แรก คือ ปรับระดับพื้นให้เหมาะสม

     

    3.ใช้ปูนกาวซีเมนต์ที่มีคุณภาพ โดยทาให้เต็มทั้งพื้นและทาที่หลังกระเบื้องด้วย แล้วทำการเว้นร่องกระเบื้องตามระยะที่กำหนด ก็จะทำให้พื้น ที่เราปูกระเบื้องไว้ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน คงทนไปตลอดอายุการใช้งาน

     

     

     

  •  

    อ่างล้างจาน เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่สำคัญสำหรับห้องครัว ช่วยให้เราล้างสิ่งของต่างๆ ให้สะอาดพร้อมใช้งานอยู่เสมอ รวมถึงควรติดตั้งถังดักไขมันต่อจากท่อน้ำทิ้งอ่างล้างจานด้วย

     

    หากคราบไขมัน เศษอาหาร หรือสิ่งสกปรกสะสมนานๆ ทำให้เกิดคราบแข็งอุดตัน ระบายน้ำไม่ได้  ดังนั้น จึงมี 3 จุด ที่ควรตรวจสอบแก้ไข คือ

    1) ตะแกรงดักเศษอาหาร หากมีเศษอาหารอยู่ในตะแกรง ควรนำไปทิ้ง แล้วทำความสะอาดให้เรียบร้อย

     

    2) กระปุกท่อน้ำ ใช้สำหรับขังน้ำ เพื่อช่วยป้องกันกลิ่นเหม็น มี 2 แบบ คือ 

    แบบ Bottle Trap

     

    P –Trap

     

    หากเกิดการอุดตันของกระปุกท่อน้ำ สามารถแก้ไขได้โดยหมุนเกลียว แล้วถอดออก เททิ้งคราบไขมันและสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ในท่อ แล้วล้างทำความสะอาดคราบที่ติดอยู่ในกระปุกท่อออกให้หมด

     

    3) บ่อดักไขมัน (Grease Trap) ใช้สำหรับดัก และแยกชั้นไขมัน ไม่ให้ไหลลงไปอุดตันในท่อระบายน้ำ มี 2 แบบ คือ


    แบบฝังดิน               แบบตั้งพื้น

    ควรเลือกประเภท ให้เหมาะกับพื้นที่ และปริมาณการใช้งาน และควรตักไขมันที่ลอยอยู่บนผิวน้ำออก อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อให้น้ำระบายได้ดี และไม่มีกลิ่นเหม็น

     

    วิธีการแก้ปัญหาท่อน้ำทิ้งอ่างล้างจานอุดตัน

    อาจใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ทำได้เอง เพื่อช่วยขจัดสิ่งอุดตันในท่อระบายน้ำ ดังนี้

    • น้ำมะนาว 1 ถ้วยตวง ผสมกับเบคกิ้งโซดา 1 ถ้วยตวง

     

     

    • น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วยตวง ผสมกับเบคกิ้งโซดา 1/2 ถ้วยตวง

     

     

    • เกลือ 1/4 ถ้วยตวง ผสมกับบอแรกซ์ 1/4 ถ้วยตวง และน้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วยตวง

      

    น้ำส้มสายชู : ควรใช้น้ำส้มสายชูกลั่นขาว หรือน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ล จะได้ผลดียิ่งขึ้น

     

    ขั้นตอนการทำความสะอาด

    1) เทน้ำยาที่ผสมไว้ลงในท่อระบายน้ำ

    2) ใช้จุกก๊อกปิดช่องระบายน้ำ หรือใช้ผ้าชุบน้ำร้อนมาปิด  ทิ้งไว้ 30 นาที เพื่อให้น้ำยาสลายสิ่งอุดตัน ทิ้งไว้ 30 นาที เพื่อให้น้ำยาสลายสิ่งอุดตัน

    3) ใช้ที่ดูดท่อขนาดพอเหมาะกับอ่างล้างจาน โดยการเทน้ำลงในอ่างล้างจาน เพื่อช่วยเพิ่มแรงดัน ทำให้ดันสิ่งอุดตันออกได้ดี

    4) ใช้เหล็ก หรือไม้แขวนเสื้อ ดัด งอ ส่วนปลายให้เป็นตะขอ สำหรับเกี่ยวสิ่งสกปรกขึ้นมา

    5) งูเหล็ก มีหลายขนาด และหลายแบบ ใช้หย่อนลงไปในท่อระบายน้ำ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในท่อ โดยหมุนด้ามจับ (หมุนเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ) เพื่อให้สิ่งที่อุดตันในท่อหลุดออก และเพื่อให้สิ่งสกปรกเกาะมากับงูเหล็ก เมื่อดึงขึ้น ควรใช้งูเหล็กอย่างระมัดระวัง

    6) ล้างท่อระบายน้ำด้วยน้ำร้อน ใช้น้ำร้อนประมาณ 6 ถ้วยตวง เทลงไปที่ท่อระบายน้ำของอ่างล้างจาน ถ้าน้ำยังระบายได้ไม่ดี ควรทำซ้ำ จนกว่าน้ำในท่อจะระบายได้ดี

     

    ควรติดตั้งอุปกรณ์แต่ละส่วนอย่างถูกวิธี มีมาตรฐาน เดินระบบท่อที่ดี มีองศาความลาดเอียงที่เหมาะสม เพื่อให้น้ำสามารถระบายได้ดีด้วย และการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ใช้งานได้อย่างดี ลดปัญหาการอุดตัน 

    เมื่อได้ลองทำการแก้ไขทุกอย่างทุกขั้นตอนแล้ว หากยังใช้งานได้ไม่ดีหรือติดขัด อุกตันอยู่ แนะนำให้เรียกช่างที่เชี่ยวชาญ มีความชำนาญเข้ามาซ่อมแซมแก้ไข