ศัพท์ช่างวันนี้ จับปุ่มปูน
By vLIVING PRO21 กุมภาพันธ์ 2561 10:57:11

มีใครสงสัยกันบ้างคะว่า จับปุ่มปูน ในทางศัพท์ช่างหมายถึงอะไร? และมีความสำคัญกับงานก่อสร้างอย่างไร?  วันนี้เรามีคำตอบมาให้ทุกๆ คนทราบกันค่ะ 

 

 

 

 

 

 

ในการฉาบผนังและเทพื้นเพื่อให้ได้ระดับนั้น การจับถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ไม่ควรละเลย และควรเลือกใช้ไม้สามเหลี่ยมที่ตรง ไม่โก่งด้วย

vLIVING PRO
สนใจติดต่อโฆษณาเว็บไซต์กับ vLIVING PRO โทร.02-101-9493 #16, 082-359-3382
บทความอื่นที่น่าสนใจ
  •                 อากาศบ้านเราเปลี่ยนแปลงบ่อยบางวันก็ร้อนจัด บางวันก็ฝนตก กันสาด จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่หลายๆคนนำมาใช้ติดบริเวณหน้าบ้าน ระเบียงบ้าน หรือหน้าต่างบ้าน เพื่อป้องกันแสงแดดที่ส่องเข้ามาภายในบ้านมากจนเกิดไป และช่วยป้องกันน้ำฝนที่สาดเข้ามาในบ้านจนอาจทำให้ข้าวของเสียหายได้ กันสาด มีหลายประเภท และหลายรูปแบบ นอกจากจะช่วยกันแดด กันฝนแล้ว ยังช่วยทำให้บ้านดูสวยงาม น่ามอง และน่าอยู่มากขึ้นได้อีกด้วย

    กันสาด ช่วยกรองแสงแดดที่ส่องเข้ามาภายในบ้าน ช่วยประหยัดพลังงาน และค่าใช้จ่ายจากการเปิดใช้เครื่องปรับอากาศ ช่วยกันฝนสาดเข้าภายในบ้าน ช่วยเพิ่มความร่มรื่น และทำให้บ้านดูสวยงามมากขึ้นอีกด้วย กันสาด มี 2 แบบ คือ

     

    1. กันสาดแบบยื่นออจากตัวบ้าน

    ข้อดี คือ

    • ไม่มีเสาเกะกะ ติดตั้งง่าย
    • ไม่ต้องกังวลเรื่องการทรุดตัวของเสา

    ข้อเสีย คือ

    • ไม่สามารถยื่นออกจากตัวบ้านได้มาก เพราะจุดที่ยึดโครงกันสาดอาจแข็งแรงไม่มากพอ และควรยึดด้วยวัสดุที่มีน้ำหนักเบา

     

     

    1. กันสาดแบบเป็นซุ้มตั้งเสา หรือแบบมีเสา

     

    ข้อดี คือ

    • กันสาด สามารถยื่นยาวออกไปได้ตามต้องการ
    • มีเสารับน้ำหนักโครงสร้างแยกออกจากตัวบ้าน
    • สวยงาม

    ข้อเสีย คือ

    • เสาอาจทำให้ดูเกะกะ รกสายตา
    • การติดตั้งมีหลายขั้นตอน
    • โครงหลังคาอาจเกิดปัญหา เนื่องจากเสาทรุดตัวไม่เท่ากัน ทำให้น้ำรั่วซึมได้

     

    วัสดุที่นิยมนำมาใช้ทำเป็นโครงกันสาด มีดังนี้

    1. เหล็ก

    ราคาถูก หาง่าย แข็งแรง ทนทาน แต่มีน้ำหนักเยอะ และอาจเป็นสนิมได้

    1. สแตนเลส

    มีให้เลือกใช้หลายเกรด แต่ถ้าให้ดีควรเลือกใช้เกรด 304 เพราะไม่เป็นสนิม อายุการใช้งานยาวนาน และคงทนกว่าเหล็ก แต่มีราคาสูง

    1. ไม้เทียม หรือพลาสติกประเภทไวนิล

    ไม่ผุพัง ปลวกไม่สามารถกินได้ น้ำหนักเบา และไม่เป็นสนิม บางแบบผลิตขึ้นมาเพื่อทำเป็นกันสาดโดยเฉพาะ มีรูปแบบที่ตายตัว มีข้อจำกัดในการทำ และมีราคาแพง

     

    วัสดุที่นำมาใช้มุงกันสาด มี 2 ประเภท คือ

    1. แบบทึบแสง ช่วยป้องกันความร้อนได้ดี เช่น...

     

     

    1.1หลังคาไวนิล (พลาสติก หรือ UPVC)

    ข้อดี คือ

    น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย มีความทนทานสูง และเสียงไม่ดังเวลาฝนตก ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน

    ข้อเสีย คือ

    เป็นรอยต่อง่าย และราคาสูง

    1.2เมทัลชีท บ้านสไตล์โมเดิร์นนิยมใช้มากในปัจจุบัน

    ข้อดี คือ

    ราคาถูก น้ำหนักเบา ประหยัดโครงสร้าง ติดตั้งง่าย มีอายุการใช้งานยาวนาน และสะท้อนความร้อนได้ดี

    ข้อเสีย คือ

    มีเสียงดังเวลาฝนตก

    1.3หลังคาผ้าใบทึบแสง

    ข้อดี คือ

    สามารถเลือกสีสัน และรูปทรงได้ตามต้องการ น้ำหนักเบา ดูเป็นธรรมชาติ มีความยืดหยุ่น และช่วยกรองแสงแดด ไม่เก็บกักความร้อน

    ข้อเสีย คือ

    พังง่าย และไม่มีความทนทาน

     

    1. แบบโปร่งแสง แดดผ่านได้ ไม่อึดอัด เช่น...

     

     

    2.1แผ่นโพลีคาร์บอเนต

    ข้อดี คือ

    สามารถดัดให้โค้งงอได้ตามต้องการ ไม่ติดไฟง่าย เหนียว แข็งแรงทนทาน มีสีและแบบให้เลือกมากมาย

    ข้อเสีย คือ

    สีซีด แตก และฝุ่นเกาะตามรูได้ง่าย

    2.2แผ่นโพลีชีทตัน

    ข้อดี คือ

    ช่วยกรองแสงได้ดี และไม่มีคราบฝุ่นเกาะภายในเนื้อแผ่น

     

               ในปัจจุบัน กันสาด มีมากมายหลากหลายประเภทให้เลือกใช้งาน ควรเลือกกันสาดให้เหมาะสมกับบ้าน และการใช้งาน จะช่วยทำให้น่าอยู่ และมีความสุขกับบ้านคุณรักได้มากขึ้นด้วย

     

    ขอบคุณรูปภาพจาก Pinterest

  • " บานเฟี้ยม " เป็นคำที่คุ้นหูที่เราเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว

    แต่บางคนอาจจะไม่ทราบว่า บานเฟี้ยมคืออะไร เรามีคำตอบให้ครับ

     

     

     

     

     

     

     

  •                  เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน อากาศแสนจะร้อนอบอ้าว และอุณหภูมิโลกสูงขึ้นทุกปี การติดตั้งเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่หลายๆบ้านใช้ในการแก้ปัญหา แม้ว่าจะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่าย และสิ้นเปลืองพลังงานก็ตาม ดังนั้นจึงนำวิธีการใช้แอร์อย่างประหยัดมาฝากกัน ลองนำไปปฏิบัติตามได้ ดังนี้ครับ

     

    1. ควรใช้แอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
    2. จุดที่ติดตั้งแอร์ ต้องสามารถกระจายความเย็นได้ทั่วทั้งห้อง
    3. ไม่ควรติดแอร์ด้านที่มีแสงแดดส่องแรงๆ เพราะจะทำให้แอร์ทำงานหนัก สิ้นเปลืองพลังงาน และต้องเสียค่าไฟมากเกินความจำเป็น
    4. ควรเลือกขนาดของแอร์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ห้องที่ต้องการติดตั้ง แอร์โดยทั่วไปมีขนาดตั้งแต่ 9,000 – 8,000 BTU

    สูตรการคำนาณค่า BTU คือ พื้นที่ห้อง (กว้าง x ยาว) x ตัวแปร

    ตารางเปรียบเทียบขนาดของแอร์ (BTU) 

     

    1. ควรตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม คือ 25 องศา หรือ ประมาณ 26 – 28 องศา จริงๆแล้ว การตั้งอุณหภูมิที่ 25 องศา ไม่ได้ช่วยให้ประหยัดไฟที่สุด แต่เป็นอุณหภูมิที่ร่างกายรู้สึกเย็นสบายพอดี เช่น บางคนอาจจะชอบที่อุณหภูมิ 27 หรือ 28 องศา เป็นต้น ร่างกายของแต่ละคนจะรู้สึกเย็นสบายในอุณหภูมิที่แตกต่างกัน และอุณหภูมิยิ่งสูง ยิ่งช่วยให้ประหยัดค่าไฟ แต่ไม่ควรเปิดแอร์จนอุณหภูมิสูงจนไม่เกิดความเย็น ซึ่งจะกลายเป็นว่า ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากการเปิดใช้แอร์ และถือเป็นการสิ้นเปลืองพนังงานด้วย
    2. ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ในห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ เช่น เตาไฟฟ้า ไมโครเวฟ เป็นต้น
    3. ไม่ควรสูบบุหรี่ในห้องแอร์ เพราะจะต้องเปิดพัดลมระบายอากาศ เพื่อช่วยในการระบายกลิ่น และควันบุหรี่ ทำให้ความเย็นจากแอร์ถูกดูดออกไปด้วย
    4. ควรใส่เสื้อผ้าที่สบายๆ เหมาะกับสภาพอากาศ
    5. ควรล้างแผ่นกรอง และตะแกรงแอร์ เดือนละครั้ง รวมทั้ง ควรล้างแอร์ปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน และประหยัดค่าไฟได้ด้วย
    6. ควรเลือกใช้แอร์ที่มีแผ่นกรองอยู่ด้านนอก เพราะง่ายต่อการแกะล้าง
    7. ขณะที่เปิดใช้แอร์ควรปิดประตู – หน้าต่างให้มิดชิด เพื่อไม่ให้ความเย็นรั่วไหลออกภายนอกห้อง
    8. ควรปิดแอร์ก่อนออกจากห้องอย่างน้อย 30 นาที เพราะถึงแม้จะปิดแอร์แล้วแต่ก็ยังคงมีความเย็นอยู่

     

     

        13.ควรปิดคัทเอาท์แอร์เมื่อเลิกใช้งานทุกครั้ง

        14.คอยล์ร้อน ควรติดตั้งให้อยู่ในจุดที่โดนแดดน้อยที่สุด อยู่ในที่ร่ม และอากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวก หรือติดตั้งให้ห่างจากผนังอย่างน้อย 15 เซนติเมตร ทำให้ช่วยระบายความร้อนได้ดี และยังช่วยประหยัดไฟได้ถึง 15 – 20 %

       15.ถ้าต้องเปิดใช้แอร์ต่อเนื่องนานเกิน 8 ชั่วโมง ควรเลือกใช้แอร์ Inverter เพราะจะช่วยทำให้ประหยัดไฟได้เกือบ 50% เลยทีเดียว

                     หากทุกคนนำวิธีการต่างๆนี้ไปปฏิบัติแล้ว เชื่อแน่ว่าจะสามารถใช้เครื่องปรับอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งค่าไฟฟ้า และค่าบำรุงรักษา รวมทั้งยังให้ความเย็นที่เพียงพอกับความต้องการได้ตลอดเวลา ที่สำคัญยังช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้อีกด้วย

     

    ขอบคุณรูปภาพจาก Pinterest

  • เครื่องมือช่างหากทิ้งไว้นานๆ หากไม่มีการรักษาให้ดี คงจะหนีไม่พ้นสนิมแน่นอน

    วันนี้เรามีสิ่งของใกล้ตัว ที่สามารถนำมากำจัดสนิมได้ แค่ไม่กี่วิธีมาฝากกัน

     

     

    1.เบกกิ้งโซดา

                  นำอุปกรณ์ไปล้างน้ำให้สะอาดก่อน และสะบัดให้พอหมาด โรยเบกกิ้งโซดาลงไปให้ทั่วบริเวณเครื่องมือ

    ทิ้งไว้ป็นเวลา 1 ชม. หรือมากกว่านั้น และใช้แปรงขัดออกล้างออกด้วยน้ำเปล่าเช็ดให้แห้ง

     

     

    2.น้ำส้มสายชู

                           นำเครื่องมือไปแช่ไว้ในน้ำส้มสายชู  ทิ้งไว้ข้ามคืนแล้ว นำมาขัดด้วยแปรง หากแช่ไม่ได้ก็นำ

    ผ้าไปชุบน้ำส้มสายชูและไปห่อไว้

     

     

     

     

    3.มันฝรั่งและน้ำยาล้างจาน

                    นำมันฝรั่งมาผ่าครึ่งไปชุบกับน้ำยาล้างจาน ใช้มันฝรั่งเป็นตัวขัดให้ทั่วบริเวณที่มีสนิม

     

    4.กรดซิตริก

                        นำกรดซิตริก ใส่ไปในน้ำร้อนแล้วเอาเครื่องมือ ที่เป็นสนิมแช่ไว้ทั้งคืนตอนเช้าจึงขัดด้วยแปรงออก

     

     

    5.มะนาวและเกลือ

                นำเกลือไปทาให้ทั่วเครื่องมือ โดยใช้มะนาวผ่าครึ่งในการขัดออก หรือ ทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง หลังจาก

    ขัดเสร็จแล้วเช็ดให้แห้งนำไปผึ่งแดด

     

     

    6.ครีมออฟทาร์ทาร์(ที่ใช้ทำขนม)

                  ผสมครีมออฟทาร์ทาร์ เข้ากับน้ำส้มสายชู นำไปป้ายตรงคราบ ที่เกิดสนิมทิ้งไว้สัก 1-2 ชั่วโมง

    แล้วนำฟองน้ำมาถูออก 

     

     

    7.บอแรกซ์

                 นำผงบอแรกซ์ผสมกับน้ำมะนาว จนได้เนื้อที่เข้มข้น และนำไปป้ายลงบนที่เป็นสนิม

    ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วจึงทำการขัดออก

     

     

    8.หัวหอม

                   นำกระดาษทรายมาขัด เพื่อกำจัดเนื้อสนิมออกก่อน 1 ชั้น จากนั้นใช้หัวหอมแดง ที่หั่นเตรียมไว้

    มาถูทับรอยสนิม แล้วล้างออกด้วยน้ำร้อนจนกระทั่งสนิมหลุด

     

  • “เหล็กเสริม” ในงานก่อสร้าง เป็นวัสดุสำคัญของโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ช่วยเสริมความแข็งแรงในเนื้อคอนกรีต แล้วเหล็กชนิดไหนบ้าง? ที่นำมาทำเป็นเหล็กเสริม มาดูกันเลยค่ะ 

     

     

     

     

      

      

     

     

    เหล็กเสริม มีความสำคัญสำหรับงานก่อสร้าง ควรเลือกใช้ให้เหมาะกับประเภทของงานโครงสร้างบ้านด้วยนะคะ เพื่อให้บ้านของเรามั่นคง แข็งแรง และไม่มีปัญหาตามมาภายหลังค่ะ