รอยร้าวของบ้านเกิดจากสาเหตุอะไร?
By vLIVING PRO13 ธันวาคม 2567 02:15:12

ปัญหารอยร้าวที่เกิดขึ้น ของบ้าน ที่พบเจอกันบ่อยๆ ที่เกิดขึ้นจริงๆแล้วเป็นอันตรายหรือไม่ วันนี้เรามีประเภทของรอยร้าวแต่ละประเภทมาฝากกัน

1.รอยร้าวเสาเอ็น- ทับหลัง

ส่วนมากจะเป็นที่หน้าต่างไม้ เพราะเป็นวัสดุที่มีความยืดหดตัวเมื่ออุณหภูมิและความชื้นมีความเปลี่ยนแปลง

 ทำให้ปูนที่ฉาบไว้เกิดรอยร้าวได้ ไม่เป็นอันตรายมาก

2.ผนังแตกลายงา

เกิดจากการผสมปูนฉาบที่ไม่ได้คุณภาพ หรือผนังที่ก่อไว้เกิดการหดตัวจากอุณหภูมิจึงทำให้ปูนฉาบเกิดเป็นรอยไม่อันตรายไม่มีผลต่อโครงสร้าง

 

3.รอยร้าวที่รอยต่อระหว่างผนังกับเสาและคาน

เกิดจากเวลาก่อสร้างไม่ได้ทำการเสียบเหล็กหนวดกุ้ง เพื่อทำการยึดเกาะกับเสา หรืออาจจะเสียบเหล็กหนวดกุ้งไม่แน่นพอ ทำให้เกิดรอยร้าว

4.รอยแตกลายงาที่พื้น

เกิดจากพื้นที่ไม่ได้ปูวัสดุปิดผิวเช่น คอนกรีตขัดมัน เพราะคอนกรีตมีความหนามากเกินไป ทำให้เกิดรอยแตกลายงาได้ แต่ไม่ทำให้เกิดอันตราย ควรปูวัสดุปิดผิวทับไปเช่นกระเบื้องยาง

5.รอยร้าวแนวดิ่งบนผนัง

เป็นรอยร้าวที่พื้นแอ่นตัวและคานรับน้ำหนักมากเกินไป หากเกิดรอยร้าวประเภทนี้ ให้เช็คดูว่ามีของที่มีน้ำหนักมากอยู่ตรงนั้นไหม หากมีให้ทำการย้ายไปทันทีเพื่อช่วยลดน้ำหนักตรงนั้น

 

6.รอยร้าวที่มีสนิมเหล็กเสริมใต้พื้น

เกิดจากพื้นดาดฟ้ามีน้ำขังจนทำให้ซึมเข้ามาที่เหล็กภายในพื้นคอนกรีต ทำให้เกิดสนิม  ขยายตัวทำให้คอนกรีตที่หุ้มเหล็ก ร่วงออกมาทำให้พื้นไม่สามารถรับน้ำหนักมากๆได้

7.รอยร้าวทแยงมุมบนผนัง

สาเหตุมาจากฐานรากมีการทรุดตัว โครงสร้างบ้านไม่แข็งแรง ควรรีบให้วิศวกรมาดูโดยด่วนเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้

 

8.รอยร้าวใต้ท้องพื้นรูปกากบาทบริเวณกลางพื้น

สาเหตุมาจากพื้นด้านบนได้รับน้ำหนักมากจนเกินไปที่จะรับน้ำหนักได้ ควรรีบแก้ไขก่อนพื้นจะถล่มลงมา

9.รอยร้าวตามขอบและคานพื้น

 

vLIVING PRO
สนใจติดต่อโฆษณาเว็บไซต์กับ vLIVING PRO โทร.02-101-9493 #16, 082-359-3382
บทความอื่นที่น่าสนใจ
  •  

     

     

     

     

     

  • 7 สิ่งสุดยี้ที่คาดไม่ถึงที่อยู่ในครัว เป็นสิ่งใกล้ตัวที่เราคาดไม่ถึง จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกัน

     

    1.ไมโครเวฟ

    เห็นไมโครเวฟเป็นสิ่งที่มีความร้อนบางคนอาจจะคิดว่ามันสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ แต่แบคทีเรียที่เกิดจากการที่เราได้อุ่นอาหาร แล้วมีคราบที่กระเด็นไป ก็สามารถให้มันเจริญเติบโตได้หากทำความสะอาด ไม่เพียงพอ จะกลายเป็นที่สะสมของเชื้อโรคได้ หากมีคราบเปื้อนให้เช็ดทำความสะอาดทันที และหาอาหารปิดภาชนะทุกครั้ง

     

    2.เคาน์เตอร์ครัว

    เป็นสิ่งที่เราต้องใช้วางสิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นถุงอาหาร กล่องข้าว หรือวัตถุดิบต่างๆ ของพวกนี้จะมีเชื้อโรคติดมาเสมอ เช่นแบคทีเรียที่สามารถอาจทำให้เกิดการท้องเสียได้ ควรรักษาความสะอาดให้มากที่สุด

     

     

    3.ถังขยะในครัว

    ถังขยะเป็นแหล่งสะสมโรคชนิดดีเยี่ยมเพราะว่าสารพัดขยะ ที่เราได้ทิ้งลงไป บางทีเราไม่ได้เก็บไปทิ้งภายในวันเดียวอาจทำให้เกิดการหมักหมมของเชื้อโรค และการส่งกลิ่นเหม็น หากเราปล่อยไว้ ไม่เก็บทิ้งก็อาจจะเกิดการสะสมเชื้อโรค หนูอาจจะมีสัตว์ที่เราไม่พึงประสงค์เข้ามาไม่รู้ตัว ควรมีฝาปิดและทิ้งทุกวัน

     

    4.เขียง

    เขียงที่เราได้ทำการหั่นอาหารลงไปนั้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือของแห้ง หากล้างไม่สะอาดก้จะทำให้เกิดการสะสมเชื้อโรคชั้นดี ยิ่งเป็นเขียงไม้ ยิ่งจะเป็นการสะสมเข้าไปอีก เพราะจะซึมเข้าเนื้อไม้ สกปรกเข้าไปอีก

     

    5.บริเวณรอบอ่างล้างจานหรือซิ้งค์น้ำ

    อ่างล้างจานเป็นส่วนที่สัมผัสน้ำมาตลอด เพราะทั้งการล้างจาน  หรือการวางของที่โดนน้ำตลอด หากทำความสะอาดไม่ดีพอ หรือว่าปล่อยให้มีน้ำขัง สิ่งสกปรกจะไปสะสมเข้าทุกวัน

     

     

    6.ผ้าเช็ดจานและฟองน้ำล้างจาน

    เป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียที่ดี เพราะเราล้างจานหรือเช็ดจานก็จะโดนน้ำตลอด ควรนำผ้าเช็ดจานไปซักทำความสะอาดและใช้ฟองน้ำไปเข้าไมโครเวฟเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียบ้าง บางคนอาจไม่เคยซักนานอาจทำให้สกปรกได้

     

     

    7.ช่องแช่แข็ง

    การเก็บเนื้อสัตว์ไว้ในตู้แช่แข็ง หากอุณหภูมิไม่ดีพอหรือเหมาะสมควร ต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส เพราะหากเก็บไว้อุณหภูมิที่สูงกว่านี้จะทำให้แบคทีเรียเติบโตไว  นานเข้าควรละลายน้ำแข็งเช็ดทำความสะอาดเป็นประจำ

     

     

     

     

     

  •      เคยสังเกตบนท้องถนนมั้ย เวลาขับรถตามหลังรถสิบล้อ เค้าจะกระพริบ ซ้ายที ขวาที เพราะอะไร? คันหน้ากำลังส่งสัญญาณอะไร มาบอกเรา วันนี้เรามีตัวอย่าง ของสัญญาณไฟบนรถสิบล้อ มาฝากกัน

     

     

    1.ให้ระวัง

    หากรถบรรทุกคันหน้าเปิดไฟเลี้ยวซ้ายที-ขวาที สลับกันไป เค้ากำลังจะเบรกรถ และข้างหน้าอาจมีด่าน หรือมีอุบัติเหตุอยู่ รถที่ตามมาควรชะลอความเร็ว หรือ ขับด้วยความเร็วต่ำ ห้ามแซงเป็นอันขาด

     

     

    2.แซงออกขวาได้

    หากรถบรรทุกเปิดไฟเลี้ยวซ้าย พร้อมทั้งวิ่งชิดขอบซ้ายของเลน ในขณะที่ ทางข้างหน้า ไม่มีทางแยกแปลว่า ทางข้างหน้าโล่งและรถข้างหลังสามารถวิ่งแซงออกขวาได้

     

     

    3.ห้ามแซงเด็ดขาด

    หากรถบรรทุกเปิดไฟเลี้ยวขวา ในขณะที่ทางข้างหน้า ดูโล่งและไม่มีทางแยก แปลว่าข้างหน้าอาจมีรถสวนมาหรือมีอุปสรรคข้างหน้าที่ รถข้างหลังไม่ควรแซงในจังหวะนี้

     

     

    4.ขอทาง

    หากเป็นการขับรถตามรถบรรทุกที่จอดรอสัญญาณไฟจราจร บริเวณสี่แยก สังเกตว่าเปิดไฟฉุกเฉินขึ้นมาหมายความว่า  รถบรรทุกกำลังจะตรงไป หากคันหลังจะตามมาก็ทำได้เลย หรือคันหลังจะเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาได้ตามสะดวก

     

    5.ช่วยส่องไฟ

    ถ้าเป็นการเดินทางเวลากลางคืน การมองเห็นเส้นทางค่อนข้างลำบาก เมื่อเราทำการแซงรถบรรทุกที่อยู่ข้างหน้า เค้าอาจเปิดไฟสูง เพื่อช่วยส่องทางให้รถที่ต่ำกว่ามองเห็นเส้นทางได้ชัดเจน และจะเปิดค้างไว้จนกว่ารถจะแซงผ่านรถบรรทุกไปได้ เมื่อแซงพ้นแล้ว รถเล็กควรบีบแตรเพื่อเป็นการขอบคุณ

     

     

     

    6.ขอเร่งแซงสวนเลน

    กรณีรถบรรทุกวิ่งตามกันมาเป็นแถว แล้วมีคันในแถวหันหัวออกมาพร้อมกระพริบไฟ 1 ที แสดงว่าเค้าต้องการขอทาง

    และกำลังจะเร่งเครื่องแซง สวนในเลนของเรา ควรระวัง ชะลอความเร็ว และกระพริบไฟสูงตอบไป 1 ครั้ง เพื่อให้ทางแก่รถบรรทุก

     

     

    7.เปิดปิดไฟ 1 ที ข้างหน้าอาจมีด่าน

    หากรถบรรทุกที่วิ่งสวนเรามา ส่งสัญญาณไฟ โดยดับไฟหน้าและเปิดขึ้น แปลว่าข้างหน้าอาจจะมีด่านหรือเกิดอุบัติเหตุรุนแรง ควรชะลอความเร็ว และเตรียมความพร้อมให้ดี

     

     

    8.เช็คเพื่อนร่วมทาง

    ถ้ารถบรรทุกที่วิ่งสวนมา กระพริบไฟ 1 ทีจะเป็นการถามว่าข้างหน้ามีอุบัติเหตุไหม

    เราสามารถตอบได้ 2 กรณี คือ

    1.กระพริบไฟตอบไป 1 ครั้ง แปลว่าปกติดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

    2.ดับไฟหน้าและเปิดขึ้น แปลว่า เตือนรถบรรทุกที่สวนกันให้เตรียมพร้อมกับเหตุข้างหน้าเพราะ

     อาจมีด่านหรืออุบัติเหตุ  

     

     

     

    4 จุดเสี่ยงที่ห้ามเข้าใกล้รถบรรทุกจนเกินไป

    1.บริเวณหน้ารถ ผู้ขับขี่ควรเว้นระยะให้ห่างจาก รถบรรทุก 4 คันรถ

    2.บริเวณด้านขวา คนขับรถบรรทุกจะมองไม่เห็นรถข้างๆในระยะที่เสมอหรือเท่ากับหน้ารถควรเร่งแซงให้พ้นหน้ารถบรรทุก

    3.บริเวณด้านซ้าย เป็นบริเวณที่น่ากลัวที่สุด คนขับเห็นได้น้อยมากเพียงแค่มุมเล็กๆเท่านั้นต้องรีบขับผ่านไปห้ามช้า

    4.บริเวณด้านหลัง คนขับรถบรรทุกไม่มีทางมองเห็น หากจะให้มองเห็นต้องเว้นระยะห่างจากรถบรรทุกอย่างน้อย 10 เมตร หรืออยู่ให้ห่างราวๆ 20-25 คันรถ

     

     

     

  • อยากจะเลือกแอร์สักตัว อากาศก็ร้อนเหลือเกิน แต่ก็ไม่รู้จะเลือกแบบไหนให้เหมาะกับบ้าน
    ผมมีตัวเลือกของแอร์ แบบต่างๆ มาให้เพื่อนได้ดูกัน ให้เป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนะครับ

     

     

  • การที่จะถมดิน มีอะไรบ้างที่ควรรู้บ้าง! จะถมดินในพื้นที่ทั้งทีสิ่งที่ควรรู้ก่อนการถม เพื่อไม่ให้เป็นการสูญเปล่า จะมีอะไรบ้างนั้น วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกัน

     

    การถมดิน เป็นการทำให้บ้านสูงหรือเท่ากว่าถนน มาดูกันดีกว่า ว่าก่อนจะถมดินได้ต้องรู้อะไรบ้าง

    1.ต้องถมดินไหม

    บ้านโดยทั่วไปควรจะอยู่สูงกว่าพื้นถนนไว้ก่อน โดยทั่วไปถนนสาธารณะ จะมีการถมดินหนีน้ำหลายๆปีต้องมีการทำถนนหากบ้านเราสูง กว่าถนนนิดเดียว ในอนาคตอาจจะต่ำกว่าถนนได้

     

    2.ถมดินสูงเท่าไหร่ดี

    1.ดูทุนทรัพย์ในการถมแค่ไหนยิ่งพื้นที่ใหญ่กว่าค่าถมยิ่งแพง

    2.ดูพื้นที่เพื่อนบ้านหากสูงกว่ามากอาจจะดูไม่เหมาะ

     

    3.เผื่อดินไว้สำหรับการยุบตัว

    ในการถมดินแต่ละครั้ง เมื่อเวลาผ่านไปดินจะมีการยุบตัวเสมอ ดังนั้นเราควรถมดินให้สูงกว่าระดับที่ต้องการเล็กน้อย เช่น ถ้าต้องการถมดิน 80 cm อาจจะต้องถมดินไว้สูงที่ระดับ 100 cm

     

     

    4.เลือกถมดินเดือนไหนดี

    จะถมดินช่วงไหนก็ได้แต่ให้ดีควรเลือกหน้าฝนเพราะน้ำฝนจะเป็นตัวช่วยให้ดินที่ยุบตัวและแน่น

     

     

    5.ใช้ดินประเภทไหนดี

    หากปลูกบ้านสร้างอาคารควรใช้ดินลูกรัง , หากต้องการทำเกษตรแนะนำให้ใช้ดินดำจะดีกว่า

     

    6.ซื้อดินเป็นคันรถหรือเหมาจ่ายดีกว่ากัน

    หากมีเวลามีคนเฝ้าก็สามารถเอาแบบเป็นคันรถได้ ตกลงกันให้แน่นนอน หากไม่มีคนเฝ้าแนะนำให้เอาแบบเหมาจะดีกว่า ตกลงราคากันให้เรียบร้อยว่าเท่าไหร่ยังไงเพราะหลังจากการถมแล้วต้องมีการบดอัดดินเพื่อให้แน่นอีกครั้ง

     

    7.ตรวจเช็คเพื่อนบ้าน

    การถมดินจะมีผลทั้งเรื่องเสียง ฝุ่น ความสกปรก เพราะอาจเกิดความไม่สะดวกให้กับเพื่อนระแวกข้างๆบ้านอาจจะต้องมีการแจ้งเพื่อนบ้านเพื่อทำความเข้าใจ

     

     

     

    8.เซ็นสัญญาทุกครั้งก่อนทำการว่าจ้าง

    ก่อนจะทำการว่าจ้าง ทำสัญญาให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันการทิ้งงานหรือได้ของไม่ตรงตามที่ตกลงกันไว้

     

     

     

    9.แบ่งจ่ายเป็นงวด

    ควรจ่ายเป็นงวดๆเพื่อป้องกันไมให้เกิดการล่าช้าและทิ้งงาน ไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้

     

     

    10.ถมดินแล้วรอนานไหมกว่าจะสร้างบ้านได้

    หากเป็นการถมดินแล้วการปลูกบ้านต้องมีการลงเข็มและน้ำหนักของตัวบ้านทั้งหมดจะไปอยู่ที่เข็ม ดังนั้น ในทางปฎิบัติ การถมดินแล้วสร้างเลยไม่ทำให้ปัญหาบ้านทรุด แต่ดิน อาจมีการยุบตัว เกิดเป็นโพรงใต้บ้าน ดังนั้นตอนก่อสร้างควรหาวิธีที่จะปิดช่องว่างที่จะเกิดได้ เพื่อป้องกันสัตว์เลื้อยคาน