การเลือกใช้แสงไฟให้เหมาะกับห้องภายในบ้าน
By vLIVING PRO21 กุมภาพันธ์ 2561 11:01:12

 

          การเลือกใช้แสงของหลอดไฟให้ตรงกับการใช้งานภายในบ้าน ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหลอดไฟมีหลายโทนสี และแสงของหลอดไฟแต่ละสีก็สร้างความรู้สึก อารมณ์ และบรรยากาศให้กับผู้อยู่อาศัยด้วย วันนี้เรามีเคล็ดลับการเลือกแสงไฟให้เหมาะกับแต่ละห้องมาฝากเพื่อนๆ กัน

 

 

1.ห้องน้ำ  

            ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน แบบสว่างสดใส ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำได้นาน ควรใช้หลอดไฟ Daylight White หรือชอบความรู้สึกผ่อนคลาย แบบร้านสปา ควรใช้ หลอดไฟ Warm White และ Cool White เป็นต้นและเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความอับชื้น มองเห็นได้ชัดเจน ไม่ลื่นล้ม ควรเลือกแสงไฟที่สว่างๆ หากเปิดให้แสงธรรมชาติถ่ายเทผ่านเข้ามาได้มากยิ่งดี และบริเวณอ่างล้างหน้า หรือโต๊ะหากชอบแบบสว่างสดใสสำหรับแต่งหน้า แต่งตัว ควรติดไฟรอบกระจกด้วยแสงอ่อนนุ่ม หรือไฟสีขาว เพราะจะให้แสงที่เป็นจริง 

 

 

 

 

2.ห้องทำงาน หรือสำนักงาน

        ควรเป็นแสงธรรมชาติ หรือหลอดไฟแสงขาว สบายตา เงียบสงบ มีแสงสว่างเพียงพอ ผ่อนคลาย สามารถเห็นสิ่งต่างๆ ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อต้องเพ่งสายตากับคอมพิวเตอร์นานๆ  มีสมาธิ และช่วยกระตุ้นการทำงาน สำหรับคนที่ชอบทำงานตอนกลางคืน ควรมีโคมไฟตั้งโต๊ะ โดยใช้แสงไฟสีขาวนวล (Cool White) จะช่วยให้มองเห็นงานได้ชัดเจน และไม่รู้สึกปวดตาเวลาทำงาน

 

 

3.ห้องทานอาหาร

                          ใช้หลอดไฟที่ให้แสงสว่างแบบอ่อนโยน สะอาดตา ช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง สบายๆ                                        เช่น หลอดไฟ Warm White และ Cool White ที่เป็นแสงโทนอุ่น ช่วยให้อาหารดูน่ารับประทานมากขึ้นด้วย

 

 

 

4.ห้องนั่งเล่น และห้องรับแขก
  เป็นห้องสำหรับการผ่อนคลาย สบายตา สร้างบรรยากาศอบอุ่นให้กับครอบครัว และแขกผู้มาเยือน ดังนั้นควรใช้แสงสว่างที่ส่องมาจากธรรมชาติเป็นหลัก จะทำให้ห้องดูโปร่งสบาย และควรใช้แสงไฟสีส้ม หรือขาวโทนอุ่น Warm White และ Cool White ให้มีแสงสว่างมากพอ หรือสีที่เข้ากับโทนการตกแต่งห้อง

 

 

5.ห้องนอน

             ควรรู้สึกสงบ อบอุ่น ผ่อนคลาย พักผ่อนได้อย่างสบายใจ ใช้หลอดไฟแสง Warm White หรือ Cool White ให้แสงที่นวลตา ไม่สว่างมาก และแสงไม่อ่อนมากเกินไป เช่น แชนเดอเลียร์, ไฟซ่อนผนัง, ไฟฝังฝ้า จะช่วยให้เรารู้สึกมั่นใจ ปลอดภัย และนอนหลับได้อย่างสนิท ช่วยลดความวิตกกังวลระหว่างนอนหลับ แต่ถ้าชอบอ่านหนังสือในห้องนอนควรใช้แสงสว่างให้เพียงพอ หรือมีโคมไฟหัวนอนเสริม

 

 

6.ห้องครัว

       ควรใช้แสงไฟสว่างตั้งแต่แสงปกติจนถึงสว่างเป็นพิเศษ เช่น หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดไฟฮาโลเจน และควรมีช่องแสงหรือหน้าต่างให้มีอากาศถ่ายเท ไม่ควรเป็นจุดอับ ปลอดโปร่ง มีแสงจากธรรมชาติเข้ามาได้มากที่สุด ช่วยลดกลิ่นอับ และควรเพิ่มแสงสว่างใต้เครื่องดูดควัน ตู้เก็บของชั้นบน หรือบริเวณอื่นๆ เพื่อให้ทำงานสะดวกและเพิ่มความสวยงามได้ด้วย

 

 

ลองนำเทคนิคที่เราแนะนำนี้ไปใช้ดูนะคะ ทั้งในเรื่องบรรยากาศภายในบ้านและการใช้งาน และมีสไตล์เข้ากับความชอบของเราที่สำคัญการเลือกหลอดไฟที่เหมาะสม และจำนวนที่พอดีจะช่วยให้เราประหยัดมากขึ้น เพราะไม่ต้องใช้หลอดไฟมากเกินไปความจำเป็นอีกด้วยค่ะ หวังว่าข้อมูลนี้จะทำให้เพื่อนๆ สามารถเลือกซื้อหลอดไฟได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมในแต่ละห้องได้ค่ะ

vLIVING PRO
สนใจติดต่อโฆษณาเว็บไซต์กับ vLIVING PRO โทร.02-101-9493 #16, 082-359-3382
3 เคล็ดลับทำบ้านเย็น
vLIVING PRO
ต้นไม้ยอดนิยม
vLIVING PRO
กำจัดกลิ่นอับในบ้าน
vLIVING PRO
บทความอื่นที่น่าสนใจ
  • 3 เคล็ดลับวิธีทำบ้านเย็น ให้แก่บ้านแบบไม่ยุ่งยาก และปลอดภัยมีอะไรบ้างมาดูกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

  • ต้นไม้ยอดนิยม
    By vLIVING PRO21/02/2561

    ต้นไม้นอกจากจะทำให้บ้านร่มรื่น และบดบังแสงแดดได้แล้ว ยังเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ช่วยให้บรรยากาศของบ้านสดชื่นอีกด้วย หากใครกำลังคิดอยากจะหาต้นไม้มาปลูกไว้ในบ้าน วันนี้เรามีต้นไม้ยอดนิยมหลากหลายชนิดมาฝาก ลองดูนะคะว่าต้นไม้ชนิดไหนบ้างที่เหมาะกับบ้านของคุณค่ะ

     

    การปลูกต้นไม้ใหญ่ อาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่ควรดูแลให้เหมาะสม เพราะอย่างน้อยพรรณไม้พวกนี้ก็สามารถให้ความสดชื่นและความสบายใจแก่คนในครอบครัวได้อย่างแน่นอนค่ะ ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อต้องคิดวางแผนเลือกต้นไม้ที่จะปลูกให้รอบคอบ เพราะหากปลูกแล้วคงเป็นเรื่องใหญ่ที่จะถอนทิ้งภายหลัง บางชนิดกิ่งก้านอาจหักลงมา หรือรากต้นไม้อาจชอนไชทำให้บ้านเสียหายได้ค่ะ

  •  

  •        พูดถึงที่ดินก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ เพราะถือว่าเป็นหลักปัจจัย 4 ในการดำรงชีพของมนุษย์ ไว้เป็นที่อยู่อาศัยพึ่งพิงแล้วหากเรามีที่ดินเปล่าที่ยังไม่คิดจะใช้งานในที่ดินผืนนี้ เราควรจะรักษาสิทธิ์อย่างไรบ้างวันนี้เรามาดูกันว่า การดูแลที่ดินที่เราได้ซื้อไว้แล้วยังไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์จะต้องดำเนินการอย่างไรบ้างมาดูกัน

     

     

    ควรไปดูแลที่ดินอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อไม่ปล่อยไว้เป็นที่รกร้าง

     

     

    2.หากไปดูที่ดินแล้วควรสอบถาม ชาวบ้านบริเวณนั้น ว่าที่ดินมีใครเข้ามาบุกรุกหรือเข้ามาวุ่นวายไหม

     

     

    3.ตรวจสอบหลักหมุดว่ามีการชำรุดหรือมีการเคลื่อนย้ายไหม  หากหลักหมุดหายไปสิ่งที่ควรทำคือ

    3.1แจ้งตำรวจเพื่อดำเนินคดี(ไม่ใช่แจ้งเป็นหลักฐานแค่ลงบันทึกประจำวัน)เพราะการทำลายหลักหมุดเป็นคดีอาญา

    3.2แจ้งที่ดินเพื่อดำเนินการสอบหมุดรังวัดใหม่

     

     

    4.รังวัดที่ดินในทุกๆ5 ปี เพราะที่ดินอาจจะเพิ่มหรือลดได้ ยิ่งที่ดินอยู่ริมแม่น้ำหรือริมตลิ่ง

     

    5.หากมีคนเข้ามาอาศัยในพื้นที่เรา ควรเข้าไปเจรจาว่าเค้ารุกล้ำที่ดินของเราอยู่  หากเค้าต้องการที่จะเช่าหรือซื้อก็ควรจะเจรจาให้เรียบร้อยไม่ใช่มาบุกรุกที่ดินคนอื่น

     

     

    6.ที่ดินควรล้อมรั้วเพื่อกำหนดขอบเขตให้ชัดเจนว่าเป็นที่ดินมีเจ้าของ

     

    7.ติดป้ายไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเพื่อให้ได้รู้ว่าไม่ใช่ที่ดินสาธารณะ ไม่ให้ใครมารุกล้ำ

     

     

    8.คอยเช็คดูว่ามีร่องรอยของทางเดินรถผ่านไหม เพราะที่ดินอาจโดนใช้เป็นทางผ่านรถไปได้หากเราไม่เข้าไปดูแล

     

     

    คนที่เป็นเจ้าของไม่ควรปล่อยที่ดินไว้โดยไม่ได้ไประบุ ว่าเป็นที่ดินของตนเอง เพราะหากเราปล่อยไว้อาจจะมีคนเข้ามาใช้ประโยชน์บนที่ดินของเรา เพราะอาจจะเกิดการครอบครองปรปักษ์ได้   การครอบครองปรปักษ์ คือการแย่งกรรมสิทธิ์ ของเจ้าของที่ดินโดยการเข้าไปในที่ดินที่มีฉโนดของผู้อื่นโดยสงบหรือเปิดเผย ด้วยการแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของและได้ใช้ประโยชน์ติดต่อมาถึง 10 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วคนนั้นจะได้เป็นเจ้าของโดยทันทีเพราะเหตุนี้เราจึงต้องเข้าไปดูที่ดินว่างเปล่าที่เราคิดว่าไม่มีประโยชน์บ่อยๆนะครับ

  • ฝนตกแบบนี้ก็อากาศก็จะชื้นๆหน่อยฝนตก ก็ต้องปิดบ้านตลอดเวลา เพื่อไม่ให้น้ำฝนกระเด็น

    แล้วถ้าบ้านหรือห้องที่ไม่ได้ใช้เกิดกลิ่นอับล่ะ จะต้องทำยังไง วันนี้เรามีวิธีมาฝากกันค่ะ