ส่วนประกอบของโครงหลังคา
By vLIVING PRO17 พฤษภาคม 2560 17:03:12

หลังคา เป็นส่วนที่ช่วยปกป้องความร้อน แดด และฝนให้กับบ้านของเรา  ดังนั้นโครงหลังคาจึงมีความสำคัญมาก เพราะต้องสามารถรองรับน้ำหนักของวัสดุมุงหลังคาและอุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างเหมาะสม และการติดตั้งอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ได้หลังคามีความคงทนแข็งแรงด้วย 

ส่วนประกอบของโครงหลังคา

1. แป หรือระแนง Batten คือ ไม้สี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่วางอยู่บนจันทัน เพื่อรองรับกระเบื้องหลังคาประเภทต่างๆ และวางห่างกันตามขนาดของกระเบื้องที่ใช้ โดยวางขนานกับแนวอกไก่ 

2. จันทัน Rafter คือ ส่วนที่วางเอียงลาดไปตามลักษณะของหลังคา พาดอยู่บนอเส และอกไก่ เพื่อรองรับแปสำหรับรับกระเบื้องมุงหลังคา จันทัน มีทั้งที่วางอยู่บนหัวเสา และที่ไม่ได้วางพาดอยู่บนหัวเสา โดยทั่วไปจันทันจะวางเป็นระยะทุกๆ 1 เมตร โดยระยะห่างของจันทัน จะขึ้นอยู่กับน้ำหนักของวัสดุมุงหลังคา และระยะแปด้วย

 

 

3. อกไก่ Ridge เปรียบเหมือนคานอยู่บริเวณส่วนกลางของหลังคาทรงจั่วหรือทรงปั้นหยา จะวางพาดอยู่บนดั้งบริเวณสันหลังคา ทำหน้าที่รับน้ำหนักจันทันตามแนวสันหลังคา

4. ดั้ง King Post คือ ส่วนที่อยู่ในแนวสันหลังคา ซึ่งอยู่บนขื่อ เพื่อรองรับอกไก่แทนเสาจริงของอาคารโดยมีอกไก่วางพาดตามแนวสันหลังคาเป็นตัวยึด โดยทั่วไป

 

5. ขื่อ Tie Beam หรือเรียกว่า สะพานรับดั้ง คือ ส่วนของโครงสร้างที่วางอยู่บนหัวเสา ในทิศทางเดียวกับจันทัน ทำหน้าที่รับแรงดึงและยึดหัวเสาในแนวคาน แล้วถ่ายน้ำหนักลงสู่เสา และช่วยยึดโครงผนัง 

6. อเส Stud Beam คือ ส่วนของหลังคาที่พาดอยู่บนหัวเสา มีลักษณะคล้ายคาน ช่วยยึดและรัดหัวเสา รวมทั้งช่วยรับแรงจากโครงหลังคาที่ถ่ายลงสู่เสา โดยทั่วไปอเสมักจะวางอยู่บริเวณริมด้านนอกของเสา 

 

7. เชิงชาย Eaves คือ ไม้ที่ใช้ปิดปลายของจันทันทุกตัวตามแนวชายคามีไม้ปิดเป็นลอน ซ้อนทับเชิงชายและปิดช่องโค้งใต้แผ่นกระเบื้องมุงหลังคา และช่วยปรับแนวชายคาที่ยึดหัวจันทันให้เป็นแนวตรง สวยงาม รวมทั้งช่วยป้องกันการผุเปื่อยของไม้ที่ปลายจันทัน

8. ปั้นลม Eaves คือ ส่วนที่ใช้ปิดหัวท้ายบริเวณริมโครงสร้างหลังคาจั่ว พาดอยู่บนหัวแป และด้านล่างของครอบข้างหลังคาช่วยกันลมไม่ให้ปะทะกับกระเบื้องหลังคาโดยตรง และช่วยกันน้ำฝนไม่ให้เข้าในบ้าน ส่วนใหญ่จะนิยมใช้ไม้จริง หรือไม้สังเคราะห์

 

หลังคาเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของบ้าน ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลให้ถูกต้อง และรอบคอบ เพราะหากเกิดปัญหาขึ้น การซ่อมแซมจะค่อนข้างยุ่งยาก

vLIVING PRO
สนใจติดต่อโฆษณาเว็บไซต์กับ vLIVING PRO โทร.02-101-9493 #16, 082-359-3382
บทความอื่นที่น่าสนใจ
  • วันคริสต์มาส และวันปีใหม่ เทศกาลแห่งความสนุกสนาน งานปาร์ตี้สนุกๆ ใกล้มาถึงแล้ว เรามาเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันแห่งความสุขที่ใกล้จะถึงเร็วๆ กันดีกว่า ด้วยการตกแต่งบ้านให้พร้อมรับกับความสุข ความสนุก กับไอเดีย DIY ช่วยประหยัดเงิน แต่ก็สามารถแต่งบ้านให้สวยสดใส พร้อมสำหรับการเฉลิมฉลองได้ค่ะ

     

    1. ทำโมบายด้วยวัสดุต่างๆ ใกล้ตัว เช่น พับกระดาษแบ่งครึ่งให้เท่าๆ กัน วาดรูปเกล็ดหิมะ รูปดาว หรือรูปที่ต้องการลงไป แล้วนำมาร้อยเชือก  หรืออีกไอเดียหนึ่งคือโมบายแต่งโต๊ะดินเนอร์ โดยการนำเถาวัลย์ หรือท่อนไม้มาผูกเชือกให้แน่นหนา แล้วนำของตกแต่งต่าง ๆ มาแขวนให้สวยงาม ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย 

     

    2. ทำพวงมาลัยจากจุกก๊อก ไม้หนีบผ้า หรือวัสดุอื่นๆ หากที่บ้านมีจุกก๊อกที่เหลือจากงานปาร์ตี้ หรือไม้หนีบผ้านำมาติดกาวและตกแต่งให้สวยงาม หรืออาจนำกิ่งไม้ ลวดมัดรวมๆ กัน หรือกระดาษแข็งตัดเป็นห่วงวงกลมก็ได้ แล้วหาดอกไม้ผ้า ลูกไม้ ริบบิ้น และอื่นๆมาตกแต่งนำเือกหรือรีบบิ้นมีทำเป็นห่วงไว้สำหรับแขวน แค่นี้ก็เรียบร้อย

     

     

    3. ทำแบรนด์เนอร์สุดเก๋ตกแต่งบ้าน ทำได้ง่าย และประหยัด เช่น ทำสายรุ้งต้นสน ดาว หรือรูปอื่นๆ อาจทำจากผ้าสักหลาด หรือกระดาษสีก็ได้ ตัดเป็นรูปต้นสน แล้วนำมาเย็บต่อกันเป็นสายยาวๆ หรืออาจนำกระดาษมาประดิษฐ์เป็นตัวอักษร ตกแต่งอีกนิดหน่อยให้สวยงาม เสร็จแล้วนำไปติดในบริเวณที่ต้องการได้เลย

     

     

    4. ประดิษฐ์ดางดาวจากไม้เหลือใช้ นำกิ่งไม้มาต่อกันให้เป็นรูปดาว แล้วตกแต่งด้วยต้นไม้-ดอกไม้ หรือไฟประดับ แล้วนำไปติดตามมุมต่างๆ ของบ้าน เพิ่มบรรยากาศให้กับบ้าน เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขที่จะมาถึง

     

    ไอเดียแต่งบ้าน DIY เพื่อต้อนรับคริสต์มาสและปีใหม่เหล่านี้ ที่เรานำมาฝากกัน เพื่อนๆ ลองนำไปทำดูนะคะ ช่วยประหยัดตังค์ในกระเป๋าของเพ่อนๆ ได้เยอะเลยค่ะ

     

    ขอบคุณรูปภาพประกอบจาก Pinterest

  • ปัญหากระเบื้องระเบิดเป็นปัญหาที่เกิดกับเทคนิคการปูกระเบื้องโดยตรงเพราะตามลักษณะของกระเบื้องแล้วหากใช้วิธีการปูที่ไม่ดีอาจทำให้เกิดปัญหาที่ทำให้กระเบื้องแตกร้าว หรือระเบิดได้ดังนี้

    1.ปูกระเบื้องเว้นแนวร่องชิดเกินไป

    ช่างหลายคน ชอบปูกระเบื้องร่องชิด เพื่อให้ดูสวยงาม แต่หากในบริเวณที่ปูกระเบื้องนั้น มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิระหว่างวันมาก คือ กลางวันอากาศร้อนจัด ส่วนเวลากลางคืน อุณหภูมิก็ลดลงเร็ว ทำให้ตัวกระเบื้องมีการขยายตัวตอนกลางวัน และหดตัวตอนกลางคืน แต่เมื่อมีการปูกระเบื้องเว้นร่องน้อย ทำให้เมื่อกระเบื้องมีการขยับตัว จะเบียดกันเอง ทำให้เกิดการโก่ง และแตกออกมาจากพื้นได้

    2.ไม่ได้ทาปูนกาวลงบนหลังกระเบื้อง หรือมีการปูกระเบื้องแบบซาลาเปา

    ช่างกระเบื้องบางคน เวลาปูกระเบื้อง จะทาปูนลงบนพื้นเท่านั้น แต่ไม่ได้ทาปูนกาวที่แผ่นกระเบื้อง โดยช่างจะทำการวางกระเบื้องบนปูนที่เตรียมไว้ และเคาะให้ได้ระดับไปเลย ทำให้การยึดเกาะตัวระหว่างพื้นกับกระเบื้องไม่ดีเท่าที่ควร (จะเห็นจากรูปกระเบื้องที่แตก หลุดร่อนออกมา ไม่มีปูนติดกระเบื้อง)  หรืออาจเกิดจากการที่ช่างใช้วิธีปูกระเบื้องแบบซาลาเปา คือ ใส่ปูนแค่บริเวณกลางแผ่นกระเบื้อง แล้วทำการเคาะให้ได้ระดับ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ช่างทำงานง่าย และเร็ว แต่ประสิทธิภายในการยึดเกาะของกระเบื้องกับพื้นเดิม ไม่ดี และกระเบื้องก็มีโอกาส แตกบิ่น บริเวณมุมได้ง่ายอีกด้วย

     

    การแก้ไขสำหรับกรณีที่เกิดกระเบื้องระเบิด

    1.ควรเลาะกระเบื้องเก่าออกทั้งหมด แล้วทำการปูใหม่และสำหรับบ้านสร้างใหม่ เราก็สามารถป้องกันปัญหาดังกล่าวได้

    2.การปูให้ถูกวิธีตั้งแต่แรก คือ ปรับระดับพื้นให้เหมาะสม

     

    3.ใช้ปูนกาวซีเมนต์ที่มีคุณภาพ โดยทาให้เต็มทั้งพื้นและทาที่หลังกระเบื้องด้วย แล้วทำการเว้นร่องกระเบื้องตามระยะที่กำหนด ก็จะทำให้พื้น ที่เราปูกระเบื้องไว้ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน คงทนไปตลอดอายุการใช้งาน

     

     

     

  •                 การจัดพื้นที่บ้านให้เหมาะสมกับทิศทางของแดดและลม เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก ที่เราไม่สามารถมองข้างได้ จึงควรทำความเข้าใจในเรื่องทิศทางแดดและลม ตามแต่ละฤดูกาลของบ้านเราอย่างถูกต้อง เพื่อช่วยทำให้ให้บ้านไม่ร้อน มืดทึบ หรือมีกลิ่นเหม็นอับ ในตอนกลางวัน

     

      

                    แสงแดดในยามเช้า จะวิ่งจากทิศตะวันออก แล้วอ้อมโค้งไปทางทิศใต้ ก่อนจะตกลงในทิศตะวันตก ทำให้ทิศใต้ไปจนถึงทิศตะวันตก จะได้รับแสงแดดมากที่สุด คือ ตั้งแต่หลังเที่ยงวันไปจนถึงเวลา 5 โมงเย็น ดังนั้นจึงควรใช้ทิศทางนี้ในการทำกิจกรรมต่างๆที่ต้องการแสงแดด เช่น ใช้ตากผ้า หรือปลูกต้นไม้ที่ต้องการแสงแดด เป็นต้น

     

     

    ทางทิศตะวันออกจะได้รับแสงอ่อนๆในตอนเช้า และแดดจะแรงจัดในช่วงเวลา 10 โมงเช้าถึงเที่ยงวัน

     

     

    ทางทิศเหนือจะได้รับแสงแดดน้อยที่สุด เหมาะกับห้องที่ต้องการแสงน้อย เช่น ห้องนอน และห้องรับแขก เป็นต้น

     

     

    ตำแหน่งของบ้านที่ลมสามารถวิ่งผ่านได้ดี คือ ต้องอยู่ในแนวผ่านของลมประจำฤดู ดังนี้

     

     

    หน้าหนาว ลมจะพัดจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้

     

     

     

    หน้าร้อน และหน้าฝน ลมจะพัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ ไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

     

     

    ขนาดของช่องลมเข้า – ออกที่ดีที่เหมาะสำหรับบ้าน คือ

     

    ช่องลมเข้า ควรมีขนาดเล็กกว่า หรือเท่ากับช่องลมออก

     

     

     

    ถ้าช่องลมเข้ามีขนาดใหญ่กว่า แล้วช่องลมออกมีขนาดเล็กกว่า หรือไม่มีช่องลมออกเลย

    จะทำให้อากาศถ่ายเทได้ไม่สะดวก และควรหันด้านที่ยาวที่สุดของตัวบ้านเข้าหาทิศทางของลม เพื่อให้ลมธรรมชาติสามารถพัดเข้าในตัวบ้านได้ เป็นการช่วยระบายความร้อนออกจากตัวบ้านให้ได้มากที่สุด ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายาจากการเปิดใช้เครื่องปรับอากาศได้อีกด้วย

     

           เมื่อทราบถึงทิศทางของแสงแดด และสายลมแล้ว  ก็จะช่วยให้เราสามารถปรับเปลี่ยน แก้ไขบ้านได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้บ้านมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก มีทั้งลมเข้า ลมออก และบ้านของเราจะเป็นบ้านที่เย็นสบายตลอดทั้งปี                                                   

  • การเลือกที่นอนให้เหมาะสมกับการพักผ่อนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะ 1 ใน 3 ของแต่ละวันคือช่วงเวลาของการนอนหลับพักผ่อน ดังนั้นการมีที่นอนที่ดีนอกจากจะช่วยให้นอนหลับสบายตลอดทั้งคืนแล้ว ยังช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายที่ดีอีกด้วย แต่ถ้าหากไม่รู้ว่าควรเลือกที่นอนอย่างไร? วันนี้เรามีเทคนิคง่ายๆ มาฝากค่ะ

     

     

     

     

     

     

     

      

     

    ลองนำข้อควรรู้ในการเลือกซื้อที่นอนเหล่านี้ไปใช้กันดูนะคะ เพราะเราต้องใช้งานมันทุกวัน ดังนั้นการเลือกสิ่งที่ดี มีคุณภาพถือว่าเป็นการลงทุนที่ถูกต้อง แถมยังมีผลระยะในยาวต่อสุขภาพการนอนของเราอีกด้วยค่ะ

  • ดอกสว่าน เป็นอุปกรณ์หนึ่งในงานช่างที่สำคัญเหมือนกับเครื่องมืออื่นๆ

    ประโยชน์ของดอกสว่าน มีไว้ทำอะไรบ้าง กี่ประเภท มาดูกันได้เลยคร้าบบ