DIY แต่งแต้มกระถางต้นไม้แสนน่ารัก
By vLIVING PRO11 ตุลาคม 2560 15:37:02

การตกแต่งกระถางต้นไม้ในบ้าน ไม่ว่าจะใช้กระถางใหญ่ หรือกระถางเล็ก ก็สามารถเติมความสดชื่นและทำให้ห้องน่าอยู่ได้เช่นกัน วันนี้เรามีไอเดีย DIY กระถางต้นไม้สุดน่ารัก ด้วยวิธีที่ไม่ยุ่งยาก ทำเองได้ เป็นวัสดุที่หาง่าย ราคาประหยัด สามารถนำมาตกแต่งสีสันให้กับบ้านและสวนของเราได้ ทำให้ต้นไม้ดูโดดเด่นขึ้นมาทันที ว่าแล้วก็ลองไปชมไอเดียเหล่านั้นกันเลยดีกว่าค่ะ 

 

1. แต่งกระถางต้นไม้สุดสวยจากลายผ้า

เลือกลวดลายผ้าแพทเทิร์นสวยๆ ตามใจชอบ แล้วตัดผ้าให้ได้ขนาดตามกระถางที่จะใช้ แล้วเว้นส่วนของผ้าด้านบนให้สามารถพับเป็นขอบกระถางได้ จากนั้นทากาวลงบนกระถางให้ทั่ว แล้วนำผ้าที่ตัดไว้มาพันรอบกระถาง ทิ้งให้กาวแห้ง เท่านี้ก็จะได้กระถางต้นไม้่สวยหวานจากลายผ้าแล้วค่ะ

 

2. แต่งแต้มกระถางด้วยสีสันสวยงาม

เพียงแค่เอาสีมาแต่งแต้มสีสัน หรือลวดลายตามใจชอบลงบนกระถางที่ต้องการใช้ปลูกต้นไม้ ให้เกิดความสวยงาม สดชื่นมากขึ้น

 

3. แต่งกระถางด้วยกระเบื้องโมเสค

เอากระเบื้องโมเสค แผ่นซีดี หรืออื่นๆ มาแต่งแต้มลวดลายให้กับกระถาง ตามแต่ที่ใครจะจินตนาการเลยค่ะ มันก็จะออกมาดูเป็นแบบแนวอาร์ตๆ ชิคๆ สวยๆ ไปอีกแบบเหมือนกันนะคะ 

 

4. แต่งกระถางด้วยผ้าลายลูกไม้

หากใครมีผ้าลูกไม้สวยๆ แสนหวานเก็บอยู่ในตู้ แล้วไม่เคยได้หยิบมาใช้ ลองนำมาตกแต่งกระถางต้นไม้ของคุณดูก็ได้นะคะ เพียงแค่ติดผ้าลูกไม้ลงบนกระถางต้นไม้ เพิ่มความวินเทจให้กับบ้านแบบง่ายๆ แถมยังสวยดีอีกด้วยนะคะ

 

5. แต่งกระถางด้วยการหยดสี

เพียงแค่นำสีมีหยดลงในถังที่มีน้ำเปล่าเตรียมไว้ จะหยดกี่สีก็ได้ตามใจต้องการะ แล้วนำกระถางที่เตรียมไว้จุ่มลงในถังที่เราหยดสีไว้ หรือเทสีลงบนกระถางเลยก็ได้ค่ะ เป็นการสร้างลายให้กระถางแบบง่ายๆ และมีสีสันสดใส สวยงาม 

 

การสร้างสรรค์ให้กระถางธรรมดา เป็นกระถางต้นไม้ที่สวยงาม น่ารัก สีสันสดใส ก็ทำให้บ้านเรามีชีวิตชีวา สดชื่นได้ และมีของสวยๆ มาประดับบ้าน แถมยังเป็นกิจกรรมยามว่างสำหรับครอบครัวในช่วงวันหยุดอีกด้วยค่ะ

 

vLIVING PRO
สนใจติดต่อโฆษณาเว็บไซต์กับ vLIVING PRO โทร.02-101-9493 #16, 082-359-3382
ศัพท์ช่างวันนี้บานพับ
vLIVING PRO
ดับร้อนด้วยพัดลม
vLIVING PRO
บทความอื่นที่น่าสนใจ
  • ปัญหากระเบื้องระเบิดเป็นปัญหาที่เกิดกับเทคนิคการปูกระเบื้องโดยตรงเพราะตามลักษณะของกระเบื้องแล้วหากใช้วิธีการปูที่ไม่ดีอาจทำให้เกิดปัญหาที่ทำให้กระเบื้องแตกร้าว หรือระเบิดได้ดังนี้

    1.ปูกระเบื้องเว้นแนวร่องชิดเกินไป

    ช่างหลายคน ชอบปูกระเบื้องร่องชิด เพื่อให้ดูสวยงาม แต่หากในบริเวณที่ปูกระเบื้องนั้น มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิระหว่างวันมาก คือ กลางวันอากาศร้อนจัด ส่วนเวลากลางคืน อุณหภูมิก็ลดลงเร็ว ทำให้ตัวกระเบื้องมีการขยายตัวตอนกลางวัน และหดตัวตอนกลางคืน แต่เมื่อมีการปูกระเบื้องเว้นร่องน้อย ทำให้เมื่อกระเบื้องมีการขยับตัว จะเบียดกันเอง ทำให้เกิดการโก่ง และแตกออกมาจากพื้นได้

    2.ไม่ได้ทาปูนกาวลงบนหลังกระเบื้อง หรือมีการปูกระเบื้องแบบซาลาเปา

    ช่างกระเบื้องบางคน เวลาปูกระเบื้อง จะทาปูนลงบนพื้นเท่านั้น แต่ไม่ได้ทาปูนกาวที่แผ่นกระเบื้อง โดยช่างจะทำการวางกระเบื้องบนปูนที่เตรียมไว้ และเคาะให้ได้ระดับไปเลย ทำให้การยึดเกาะตัวระหว่างพื้นกับกระเบื้องไม่ดีเท่าที่ควร (จะเห็นจากรูปกระเบื้องที่แตก หลุดร่อนออกมา ไม่มีปูนติดกระเบื้อง)  หรืออาจเกิดจากการที่ช่างใช้วิธีปูกระเบื้องแบบซาลาเปา คือ ใส่ปูนแค่บริเวณกลางแผ่นกระเบื้อง แล้วทำการเคาะให้ได้ระดับ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ช่างทำงานง่าย และเร็ว แต่ประสิทธิภายในการยึดเกาะของกระเบื้องกับพื้นเดิม ไม่ดี และกระเบื้องก็มีโอกาส แตกบิ่น บริเวณมุมได้ง่ายอีกด้วย

     

    การแก้ไขสำหรับกรณีที่เกิดกระเบื้องระเบิด

    1.ควรเลาะกระเบื้องเก่าออกทั้งหมด แล้วทำการปูใหม่และสำหรับบ้านสร้างใหม่ เราก็สามารถป้องกันปัญหาดังกล่าวได้

    2.การปูให้ถูกวิธีตั้งแต่แรก คือ ปรับระดับพื้นให้เหมาะสม

     

    3.ใช้ปูนกาวซีเมนต์ที่มีคุณภาพ โดยทาให้เต็มทั้งพื้นและทาที่หลังกระเบื้องด้วย แล้วทำการเว้นร่องกระเบื้องตามระยะที่กำหนด ก็จะทำให้พื้น ที่เราปูกระเบื้องไว้ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน คงทนไปตลอดอายุการใช้งาน

     

     

     

  • ศัพท์ช่างวันนี้ "เหล็กหนวดกุ้ง" หรือ "เหล็กเดือย" เป็นเหล็กเสริมสำหรับยึดเกาะโครงสร้างส่วนต่อ เพื่อช่วยให้เกิดความแข็งแรงของโครงสร้างมากขึ้น มาดูกันค่ะว่าเหล็กหนวดกุ้งมีกี่ชนิด อะไรบ้าง และแต่ละชนิดเหมาะกับงานประเภทไหน?

     

      

     

     

     

    นอกจากนี้ เราอาจใช้ประโยชน์จากเศษเหล็กที่เหลือใช้จากงานก่อสร้าง มาทำเป็น "เหล็กเดือย" หรือ "เหล็กหนวดกุ้ง" ได้ด้วยนะคะ 

  • บานพับเป็นสิ่งที่คู่กันกับประตูเสมอ หากไม่มีบานพับ ประตูจะยึดติดอย่างไร

    วันนี้ผมมีวิธีเลือกบานพับให้เหมาะกับประตูของคุณมาฝากนะครับ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

  •        พูดถึงที่ดินก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ เพราะถือว่าเป็นหลักปัจจัย 4 ในการดำรงชีพของมนุษย์ ไว้เป็นที่อยู่อาศัยพึ่งพิงแล้วหากเรามีที่ดินเปล่าที่ยังไม่คิดจะใช้งานในที่ดินผืนนี้ เราควรจะรักษาสิทธิ์อย่างไรบ้างวันนี้เรามาดูกันว่า การดูแลที่ดินที่เราได้ซื้อไว้แล้วยังไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์จะต้องดำเนินการอย่างไรบ้างมาดูกัน

     

     

    ควรไปดูแลที่ดินอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อไม่ปล่อยไว้เป็นที่รกร้าง

     

     

    2.หากไปดูที่ดินแล้วควรสอบถาม ชาวบ้านบริเวณนั้น ว่าที่ดินมีใครเข้ามาบุกรุกหรือเข้ามาวุ่นวายไหม

     

     

    3.ตรวจสอบหลักหมุดว่ามีการชำรุดหรือมีการเคลื่อนย้ายไหม  หากหลักหมุดหายไปสิ่งที่ควรทำคือ

    3.1แจ้งตำรวจเพื่อดำเนินคดี(ไม่ใช่แจ้งเป็นหลักฐานแค่ลงบันทึกประจำวัน)เพราะการทำลายหลักหมุดเป็นคดีอาญา

    3.2แจ้งที่ดินเพื่อดำเนินการสอบหมุดรังวัดใหม่

     

     

    4.รังวัดที่ดินในทุกๆ5 ปี เพราะที่ดินอาจจะเพิ่มหรือลดได้ ยิ่งที่ดินอยู่ริมแม่น้ำหรือริมตลิ่ง

     

    5.หากมีคนเข้ามาอาศัยในพื้นที่เรา ควรเข้าไปเจรจาว่าเค้ารุกล้ำที่ดินของเราอยู่  หากเค้าต้องการที่จะเช่าหรือซื้อก็ควรจะเจรจาให้เรียบร้อยไม่ใช่มาบุกรุกที่ดินคนอื่น

     

     

    6.ที่ดินควรล้อมรั้วเพื่อกำหนดขอบเขตให้ชัดเจนว่าเป็นที่ดินมีเจ้าของ

     

    7.ติดป้ายไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเพื่อให้ได้รู้ว่าไม่ใช่ที่ดินสาธารณะ ไม่ให้ใครมารุกล้ำ

     

     

    8.คอยเช็คดูว่ามีร่องรอยของทางเดินรถผ่านไหม เพราะที่ดินอาจโดนใช้เป็นทางผ่านรถไปได้หากเราไม่เข้าไปดูแล

     

     

    คนที่เป็นเจ้าของไม่ควรปล่อยที่ดินไว้โดยไม่ได้ไประบุ ว่าเป็นที่ดินของตนเอง เพราะหากเราปล่อยไว้อาจจะมีคนเข้ามาใช้ประโยชน์บนที่ดินของเรา เพราะอาจจะเกิดการครอบครองปรปักษ์ได้   การครอบครองปรปักษ์ คือการแย่งกรรมสิทธิ์ ของเจ้าของที่ดินโดยการเข้าไปในที่ดินที่มีฉโนดของผู้อื่นโดยสงบหรือเปิดเผย ด้วยการแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของและได้ใช้ประโยชน์ติดต่อมาถึง 10 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วคนนั้นจะได้เป็นเจ้าของโดยทันทีเพราะเหตุนี้เราจึงต้องเข้าไปดูที่ดินว่างเปล่าที่เราคิดว่าไม่มีประโยชน์บ่อยๆนะครับ

  • อากาศร้อนๆแบบนี้ คงหนีไม่พ้นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้ความเย็นแก่ร่างกาย หลายคนคงคิดถึงแอร์

    แต่หากบางบ้าน มีเหตุจำเป็นไม่สามารถติดได้ล่ะ พัดลมก็เป็นสิ่งที่คลายร้อนได้ ที่ทุกบ้านต้องมี

    วันนี้ผมเลยมีเทคนิค การคลายร้อนสำหรับพัดลมมาฝากกันนะครับ