ประโยชน์มากมายของไม้ระแนง
By vLIVING PRO21 กุมภาพันธ์ 2561 10:51:54

แสงแดดร้อนๆยามบ่าย แผดเผาบ้านเรือน ทำให้บ้านมีความร้อนมาก การติดตั้งระแนงไม้ จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดความร้อนภายในบ้านได้ และยังช่วยลดค่าไฟฟ้าจากการเปิดใช้เครื่องปรับอากาศ รวมถึงช่วยทำให้บ้านดูน่าอยู่มากขึ้นด้วย

 

การติดตั้งระแนงไม้ สามารถติดตั้งได้กับผนังบ้าน ชายคาบ้าน หรือบริเวณที่แสงแดดส่องเข้ามาในบ้านมากเกินไป รวมถึงต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และประโยชน์ใช้สอยด้วย นอกจากนี้ การติดตั้งระแนงไม้ โดยทั่วไปนิยมใช้ไม้ระแนงขนาดหน้ากว้าง 3 นิ้ว และเว้นช่องไฟ 1 นิ้ว เพื่อให้มีแสงแดดส่องผ่านได้บ้าง หรือติดตั้งระแนงเฉียง 45 องศา เพื่อช่วยในการบังแดด กันฝน และช่วยให้ลมผ่านได้ดี

 

 วัสดุที่นำมาใช้ทำระแนง มีอยู่ 3 ชนิดหลักๆ ดังนี้

  1. ระแนงไม้เทียม

 

  

มีราคาถูก หาง่าย มีความทนทานต่อแสงแดดได้เป็นอย่างดี ติดตั้งง่าย ไม่เป็นวัสดุลามไฟ และปลอดภัยจากแมลงกินไม้ แต่สิ่งที่ต้องระวัง คือ ไม่ควรใช้ไม้เทียมรับน้ำหนักโดยตรง

 

  1. ระแนงไม้จริง

เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบไม้จริง ส่วนใหญ่นิยมใช้ไม้เนื้อแข็ง เนื่องจากมีลวดลายที่สวยงามเป็นธรรมชาติ แต่มีราคาสูง รวมทั้งถ้าใช้ไปนานๆ และโดนแดด ฝน อาจทำให้ไม้ผุพังได้ หรืออาจโดนปลวก มอดกินได้ ผู้ที่ต้องการใช้ไม้จริงในการทำระแนงไม้ ควรทา หรือฉีดยากันปลวกเป็นประจำ

 

  1. ระแนงไม้สังเคราะห์ (ไวนิล)

คนทั่วไปเรียกว่า UPVC น้ำหนักเบา มีสี และแบบให้เลือกมากมาย ติดตั้งง่าย รวดเร็ว ทนต่อความชื้น แสงแดด และแมลงต่างๆ แต่มีราคาสูง ฝุ่นชอบเกาะ ต้องคอยเช็ดทำความสะอาดอยู่เสมอ

  

ทั้งนี้ การที่จะเลือกใช้วัสดุชนิดใดมาทำเป็นระแนงนั้น ควรนึกถึงปัจจัยต่างๆให้ครอบคลุมครบถ้วน เข้ากับบ้านได้อย่างสวยงาม เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละบ้าน และแต่ละส่วนของบ้านด้วย

 

ขอบคุณรูปภาพจาก Pinterest

vLIVING PRO
สนใจติดต่อโฆษณาเว็บไซต์กับ vLIVING PRO โทร.02-101-9493 #16, 082-359-3382
บทความอื่นที่น่าสนใจ
  • สงสัยกันไหม คราบขาวๆบนผนังเกิดจากอะไร? คล้ายเป็นคราบเกลือบนพื้นผิวซีเมนต์  สาเหตุเกิดจากอะไร แล้ววิธีแก้ไข ต้องทำอย่างไรบ้าง วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกัน 

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

  •  

    การปูตงคืออะไร

    ตงโน้น ตงนี้ ตงนั้นหรือเปล่า มาหาคำตอบกันได้เลยคร้าบบบ

     

     

  • หลายๆคนต้องการมีบ้านที่ดีถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย ดังนั้นบ้านหลังสวยที่เป็นดั่งวิมานของเรา จะต้องมีคุณลักษณะพิเศษ ที่ช่วยเสริมดวงให้เจ้าของบ้านเกิดความร่ำรวย และเพื่อให้ทุกคนในครอบครัวใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นไร้เรื่องราวกวนใจ ต้องเป็นอย่างไรบ้างเรามาดูกันค่ะ

     

    ลักษณะของบ้านที่ดี ควรเป็นดังนี้

    1. บ้านทำเลทอง คือ มีพื้นที่ติดแม่น้ำ ซึ่งมีลักษณะโค้งเข้าหาตัวบ้าน ถือว่าเป็นฮวงจุ้ยที่ดีมาก จะได้รับพลังงานที่ดี มีคนคอยสนับสนุน ช่วยเหลือ มีความสุข ความสำเร็จ และร่ำรวย

     

     

     

    2. บ้านที่มีแต่ความสมบูรณ์ คือบ้านที่มีลักษณะด้านหลังกว้างกว่าด้านหน้า ตามหลักฮวงจุ้ย เรียกว่า รูปทรงถุงทอง จะมีโชคลาภ และมีพลังงานดีๆ คอยส่งเสริมอยู่เสมอ

     

    3. บ้านที่อยู่แล้วเจริญรุ่งเรือง คือบ้านที่มีต้นไม้ให้ความร่มรื่น เพราะทางฮวงจุ้ยถือว่า ต้นไม้เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญงอกงาม ช่วยส่งเสริมให้มีแต่ความรุ่งเรืองก้าวหน้า

    ดอกไม้ที่มีความเป็นมงคลมาก และควรนำมาจัดสวน คือ

    • ดอกโบตั๋น เป็นดอกไม้มงคลสูงสุด เป็นตัวแทนของความมั่งคั่ง และความรัก
    • ดอกเบญจมาศ แทนความรัก และเสียงหัวเราะ สีเหลืองของดอกเบญจมาศ แทนความสะดวกสบายและความหรูหรา
    • ดอกจำปี และกล้วยไม้ แทนความอ่อนหวาน และช่วยเหลือเกื้อกูล ช่วยทำให้แขกที่มาเยือนได้รู้สึกผ่อนคลาย
    • ดอกบัว ตัวแทนของศาสนา และการรู้แจ้ง แทนความบริสุทธิ์ สงบ สร้างสรรค์ และความฉลาด

     

    1. บ้านที่เป็นมงคล คือ มีสระว่ายน้ำ หรือบ่อน้ำอยู่หน้าบ้าน ช่วยให้มีความสุข สมบูรณ์ ร่ำรวย ร่มเย็น

     

     

     

    5. บ้านที่มีชื่อเสียง คือ บ้านที่มีต้นสนอยู่หน้าบ้าน ทั้งด้านซ้าย และด้านขวา ตามหลักฮวงจุ้ย ต้นสนสามารถเรียกแสงที่ดีเข้าบ้านได้ ช่วยให้มีโชค มีชื่อเสียง ความรัก ความสำเร็จ มั่นคง

     

     

    การมีบ้านลักษณะที่ดีตามหลักฮวงจุ้ยนั้น เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้คนในบ้านมีความสุข และมีสถานะทางการเงินที่ดี ต่อให้บ้านเราหลังเล็กแค่ไหน แต่ถ้าครอบครัวเรารักกัน บ้านของเรานั้นก็จะมีแต่ความสุข อยู่ยังไงก็ร่มรื่นร่มเย็น

     

    ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest

  • ปัญหาหลังคารั่วซึมที่เกิดขึ้นในฤดูฝน ทำให้น้ำหยดไหลเข้ามาในบ้าน คงเป็นเรื่องที่น่าหนักใจไม่น้อยสำหรับเจ้าของบ้านเลยทีเดียว  ปัญหาหลังคารั่ว เกิดได้หลายสาเหตุ และหลายจุด แต่ที่พบบ่อยๆ มีอยู่ 7 จุด ดังนี้

     

    1. น้ำฝนรั่วบริเวณรางน้ำตะเข้ เกิดจากรางตะเข้เป็นสนิม ผุกร่อน หรือรางน้ำทำจากแผ่นโลหะพับเป็นรูปตัววี ทำให้ความลึกของท้องรางมีน้อย และปีกสั้น

    วิธีแก้ไข คือ ควรใช้รางน้ำที่ลึกและกว้างมากขึ้น ทำมาจากสแตนเลสที่ได้มาตรฐาน ไม่เป็นสนิม สามารถช่วยรองรับ และระบายน้ำฝนได้ดี

     

     

     

     

    1. น้ำฝนรั่วจากแผ่นกระเบื้อง เนื่องจากแผ่นกระเบื้องแตก หรือร้าว ทำให้เกิดน้ำรั่วซึมไหลเข้าบ้าน

    วิธีแก้ไข คือ ควรเปลี่ยนกระเบื้องใหม่ กรณีที่มีช่องหรือรู ควรใช้วัสดุยาแนว เช่น โพลียูรีเทน ที่มีความยืดหยุ่นสูง

     

     

     

    1. น้ำรั่วบริเวณอุปกรณ์ยึดกระเบื้อง เช่น ตะปูเกลียว หรือ ขอป.ปลา เสื่อมสภาพ แหวนยางแห้งกรอบ และหมวกสังกะสีผุ เป็นสนิม

    วิธีแก้ไข คือ ถอดหมวกสังกะสี และแหวนยางอันเก่าออก แล้วใส่อุปกรณ์สำหรับยึดกระเบื้องหลังคาใหม่หมดทั้งชุด ควรเลือกใช้อุปกรณ์ยึดแบบที่มีความหนา และขนาดใหญ่ขึ้นกว่าของเก่า เพื่อจะได้สามารถปิดรูเดิมที่ใหญ่ขึ้นได้

     

     

     

     

    1. น้ำรั่วบริเวณปูนปั้น หรือปีกนก เกิดจากปูนทราย หรือคอนกรีตที่เทไว้แตกร้าว

    วิธีแก้ไข คือ สกัดปูนทรายตรงผิวเดิมบริเวณที่แตกร้าวออก แล้วทารองพื้นด้วยซีเมนต์กันซึม จากนั้นฉาบทับหน้าด้วยปูนทรายละเอียด เพื่อช่วยให้เกิดความสวยงาม

     

     

     

    1. น้ำฝนรั่วบริเวณชายคา เพราะชายกระเบื้องยื่นเลยเชิงชายออกมาน้อยเกินไป และหลังคามีความลาดเอียงหรือความชันน้อยเกินไป ทำให้ระบายน้ำได้ไม่ดี เกิดเป็นน้ำสะสม และทำให้น้ำไหลย้อนกระเบื้อง ไหลเข้าในบ้าน

    วิธีแก้ไข คือ เปลี่ยนกระเบื้องแถวล่างให้มีความยาวมากขึ้น

     

     

     

    1. โครงสร้างของหลังคาแป แอ่น และยุบตัว เกิดจากการเสื่อมสภาพของวัสดุที่ใช้ เช่น โครงหลังคาอาจผุพัง เป็นสนิม และแอ่นตัว ทำให้กระเบื้องมีช่องโหว่เกิดน้ำรั่วซึม

     

    วิธีแก้ไข คือ ถ้าเป็นโครงหลังคาเหล็ก ควรขัดสนิมที่โครงเหล็กออกก่อน ถ้าโครงทรุดตัว ควรนำไม้มาค้ำเพื่อไม่ให้โครงหลังคาทรุด หรือแอ่น แล้วนำเหล็ก 2 แผ่นมาประกบกับโครงเหล็กที่เป็นสนิม แล้วจึงขันน๊อตให้แน่น

     

    สำหรับโครงหลังคาไม้ ตัดไม้เก่าที่ผุออก นำไม้ 2 แผ่นมาประกบกับโครงไม้ที่ผุ แล้วขันน๊อตให้แน่น จากนั้นนำไปดามโครงหลังคาไม้ขึ้นให้ติดกระเบื้อง เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างระหว่างกระเบื้อง และป้องกันน้ำรั่วซึม

     

     

     

    1. หลังคารั่วตรงที่ครอบสันหลังคา เมื่อน้ำฝนกัดเซาะมาเป็นเวลานาน ทำให้บริเวณครอบสันหลังคาแตกร้าว หรือหลุดร่อน จึงทำให้น้ำรั่วไหลผ่านช่องที่แตกร้าวเข้าในบ้านได้

     

    วิธีแก้ไข คือ ใช้ปูน นอน-ชลิงค์ (ปูนที่ไม่หดตัว) อุดรอยรั่วแตกร้าว ระหว่างครอบสันหลังคากับแผ่นกระเบื้องหลังคา ไม่ให้มีช่องโหว่ ทาน้ำยาอะคริลิกกันซึมทับอีกชั้นหนึ่ง หรือในกรณีที่หลังคาเดิมติดตั้งเป็นระบบครอบแห้ง (วิธีการสังเกตระบบครอบแห้งคือ บริเวณตรงครอบหลังคาไม่มีปูนทราย) ต้องเปิดครอบสันหลังคาที่แตกร้าวออก แล้วเช็คสภาพแผ่นยางกันการรั่วซึมด้านใต้ด้วย หากแผ่นยางเสื่อมสภาพ ควรทำการเปลี่ยนแผ่นยางใหม่ให้เรียบร้อย

    เมื่อได้ทราบถึงจุดที่อาจจะทำให้เกิดหลังคารั่วซึมแล้ว ลองนำวิธีการข้างต้นไปตรวจสอบบ้านที่คุณรักดูนะคะ หวังว่าทุกท่านจะสามารถแก้ไขปัญหาหลังคารั่วซึมได้ เพื่อพร้อมรับมือกันหน้าฝนที่กำลังจะมาเยือน ได้อย่างสบายใจ และมีความสุขค่ะ

     

    ขอบคุณภาพจาก Pinterest

  •  

    อ่างล้างจาน เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่สำคัญสำหรับห้องครัว ช่วยให้เราล้างสิ่งของต่างๆ ให้สะอาดพร้อมใช้งานอยู่เสมอ รวมถึงควรติดตั้งถังดักไขมันต่อจากท่อน้ำทิ้งอ่างล้างจานด้วย

     

    หากคราบไขมัน เศษอาหาร หรือสิ่งสกปรกสะสมนานๆ ทำให้เกิดคราบแข็งอุดตัน ระบายน้ำไม่ได้  ดังนั้น จึงมี 3 จุด ที่ควรตรวจสอบแก้ไข คือ

    1) ตะแกรงดักเศษอาหาร หากมีเศษอาหารอยู่ในตะแกรง ควรนำไปทิ้ง แล้วทำความสะอาดให้เรียบร้อย

     

    2) กระปุกท่อน้ำ ใช้สำหรับขังน้ำ เพื่อช่วยป้องกันกลิ่นเหม็น มี 2 แบบ คือ 

    แบบ Bottle Trap

     

    P –Trap

     

    หากเกิดการอุดตันของกระปุกท่อน้ำ สามารถแก้ไขได้โดยหมุนเกลียว แล้วถอดออก เททิ้งคราบไขมันและสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ในท่อ แล้วล้างทำความสะอาดคราบที่ติดอยู่ในกระปุกท่อออกให้หมด

     

    3) บ่อดักไขมัน (Grease Trap) ใช้สำหรับดัก และแยกชั้นไขมัน ไม่ให้ไหลลงไปอุดตันในท่อระบายน้ำ มี 2 แบบ คือ


    แบบฝังดิน               แบบตั้งพื้น

    ควรเลือกประเภท ให้เหมาะกับพื้นที่ และปริมาณการใช้งาน และควรตักไขมันที่ลอยอยู่บนผิวน้ำออก อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อให้น้ำระบายได้ดี และไม่มีกลิ่นเหม็น

     

    วิธีการแก้ปัญหาท่อน้ำทิ้งอ่างล้างจานอุดตัน

    อาจใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ทำได้เอง เพื่อช่วยขจัดสิ่งอุดตันในท่อระบายน้ำ ดังนี้

    • น้ำมะนาว 1 ถ้วยตวง ผสมกับเบคกิ้งโซดา 1 ถ้วยตวง

     

     

    • น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วยตวง ผสมกับเบคกิ้งโซดา 1/2 ถ้วยตวง

     

     

    • เกลือ 1/4 ถ้วยตวง ผสมกับบอแรกซ์ 1/4 ถ้วยตวง และน้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วยตวง

      

    น้ำส้มสายชู : ควรใช้น้ำส้มสายชูกลั่นขาว หรือน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ล จะได้ผลดียิ่งขึ้น

     

    ขั้นตอนการทำความสะอาด

    1) เทน้ำยาที่ผสมไว้ลงในท่อระบายน้ำ

    2) ใช้จุกก๊อกปิดช่องระบายน้ำ หรือใช้ผ้าชุบน้ำร้อนมาปิด  ทิ้งไว้ 30 นาที เพื่อให้น้ำยาสลายสิ่งอุดตัน ทิ้งไว้ 30 นาที เพื่อให้น้ำยาสลายสิ่งอุดตัน

    3) ใช้ที่ดูดท่อขนาดพอเหมาะกับอ่างล้างจาน โดยการเทน้ำลงในอ่างล้างจาน เพื่อช่วยเพิ่มแรงดัน ทำให้ดันสิ่งอุดตันออกได้ดี

    4) ใช้เหล็ก หรือไม้แขวนเสื้อ ดัด งอ ส่วนปลายให้เป็นตะขอ สำหรับเกี่ยวสิ่งสกปรกขึ้นมา

    5) งูเหล็ก มีหลายขนาด และหลายแบบ ใช้หย่อนลงไปในท่อระบายน้ำ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในท่อ โดยหมุนด้ามจับ (หมุนเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ) เพื่อให้สิ่งที่อุดตันในท่อหลุดออก และเพื่อให้สิ่งสกปรกเกาะมากับงูเหล็ก เมื่อดึงขึ้น ควรใช้งูเหล็กอย่างระมัดระวัง

    6) ล้างท่อระบายน้ำด้วยน้ำร้อน ใช้น้ำร้อนประมาณ 6 ถ้วยตวง เทลงไปที่ท่อระบายน้ำของอ่างล้างจาน ถ้าน้ำยังระบายได้ไม่ดี ควรทำซ้ำ จนกว่าน้ำในท่อจะระบายได้ดี

     

    ควรติดตั้งอุปกรณ์แต่ละส่วนอย่างถูกวิธี มีมาตรฐาน เดินระบบท่อที่ดี มีองศาความลาดเอียงที่เหมาะสม เพื่อให้น้ำสามารถระบายได้ดีด้วย และการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ใช้งานได้อย่างดี ลดปัญหาการอุดตัน 

    เมื่อได้ลองทำการแก้ไขทุกอย่างทุกขั้นตอนแล้ว หากยังใช้งานได้ไม่ดีหรือติดขัด อุกตันอยู่ แนะนำให้เรียกช่างที่เชี่ยวชาญ มีความชำนาญเข้ามาซ่อมแซมแก้ไข