ศํพท์ช่างวันนี้ ฝ้าฉาบเรียบ
By vLIVING PRO20 เมษายน 2561 13:39:43

ฝ้ามีมากมายเหลือเกิน หลายแบบหลายชนิด ผมมีฝ้ามาแนะนำเพื่อนๆกันครับว่าควรจะเลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับบ้านท่าน

 

 

 

vLIVING PRO
สนใจติดต่อโฆษณาเว็บไซต์กับ vLIVING PRO โทร.02-101-9493 #16, 082-359-3382
บทความอื่นที่น่าสนใจ
  •          เชื่อว่ามีคนมากมายที่กำลังคิดว่าอยากจะสร้างบ้านใหม่ แต่อาจยังลังเลใจอยู่ เลือกไม่ถูกว่าจะสร้างบ้านไม้ หรือบ้านปูนดี  ดังนั้น เพื่อให้ได้เห็นถึงความแตกต่างของบ้านไม้ กับ บ้านปูน อย่างชัดเจน เราจึงได้นำข้อดี – ข้อเสีย ของบ้านทั้ง 2 แบบ มาเปรียบเทียบให้ดูกัน ดังนี้

     

      

     

    บ้านไม้

              ควรเลือกใช้ไม้แต่ละประเภทให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ไม้บางประเภทอาจจะเหมาะสำหรับใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ หรือบางประเภท เหมาะสำหรับทำโครงสร้างบ้าน เป็นต้น

              บ้านไม้ เป็นบ้านที่มีความสวยงาม คลาสสิก และอบอุ่น อากาศถ่ายเทได้ดี โปร่ง โล่ง สบาย มีความยืดหยุ่นสูง ง่ายต่อการซ่อมแซมแก้ไข รื้อถอน หรือตกแต่งเพิ่มเติม และสามารถนำไม้กลับมาใช้ใหม่ได้

     

     

     

     

     

    1. ไม้เต็ง เนื้อไม้มีผิวหยาบ เหมาะสำหรับงานที่โชว์ลวดลายของไม้ ส่วนใหญ่เหมาะสำหรับใช้กับงานภายนอก และงานโครงสร้างเป็นหลัก เช่น เสา และคาน

    2. ไม้แดง นิยมนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างบ้าน เช่น ใช้ทำพื้นบ้าน หรือวงกบประตู หน้าต่าง เป็นต้น

    3. ไม้มะค่า มีความแข็งแรงมาก ส่วนใหญ่นิยมนำมาใช้ทำพื้นไม้ และบันไดบ้าน

    4. ไม้ตะแบก เหมาะสำหรับใช้กับงานภายในเท่านั้น เช่น พื้นภายในบ้าน และประตู เป็นต้น

    5. ไม้ตะเคียน มีความคงทนสูง ส่วนใหญ่ใช้สำหรับทำวงกบ และพื้นไม้

    6. ไม้สัก มีลายไม้ที่สวยงาม และคงทน เหมาะสำหรับใช้เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างบ้าน หรือส่วนต่างๆ ของบ้านที่ต้องการความสวยงาม เช่น บานประตู หน้าต่าง และเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น

    7. ไม้ยางพารา เหมาะสำหรับใช้ทำประตู วงกบ พื้น บันได และเฟอร์นิเจอร์

    8. ไม้จำปา ส่วนใหญ่นิยมใช้กับงานภายใน เช่น ประตู เป็นต้น

     

    ข้อควรระวังสำหรับบ้านไม้ คือ

    1. จำเป็นต้องใช้ช่างที่มีประสบการณ์ในการสร้างบ้านไม้ ต้องมีฝีมือที่ประณีต เรียบร้อย และสวยงาม
    2. ในปัจจุบันไม้หายากมากขึ้น จึงทำให้ไม้มีราคาแพง
    3. ปลวก และแมลงสามารถกันกินไม้ได้
    4. เสื่อมโทรม ผุ พังได้ตามอายุการใช้งาน และตามสภาพดินฟ้าอากาศ

     

    การป้องกัน และการดูแลแก้ไขสำหรับบ้านไม้ คือ

    1. ประตู หน้าต่าง และโครงสร้างไม้ภายนอก ควรทาด้วยสีน้ำมัน สีพลาสติก สำหรับใช้กับงานไม้โดยเฉพาะ หรือสามารถใช้สีย้อมไม้ก็ได้เช่นกัน ทาประมาณ 2 – 3 ชั้น การทาแต่ละชั้นควรทิ้งระยะให้แห้งอย่างน้อยประมาณ 6 ชั่วโมง
    2. ไม้บริเวณระเบียงนอกชาน ที่อยู่กลางแจ้ง ควรขัดผิว และทาด้วยสีย้อมไม้สำหรับทาภายนอกโดยเฉพาะ ทุกๆ 3 ปี
    3. พื้นไม้ และบันไดภายในบ้าน ควรทาน้ำยากันปลวกให้ทั่วก่อน แล้วจึงเคลือบด้วยน้ำยาโพลียูรีเทน เพื่อช่วยป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนจากการใช้งาน และช่วยเพิ่มความทนทานได้อีกด้วย
    4. เฟอร์นิเจอร์ไม้ ควรขัดเคลือบผิวก่อน เพื่อไม่ให้เนื้อไม้เสีย หรือดูดซับความชื้นมากจนเกินไป จากนั้นจึงเคลือบด้วยแล็กเกอร์ เพื่อช่วยให้ผิวไม้เงางามมากยิ่งขึ้น การทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ไม้ ควรใช้ผ้านุ่มๆชุบน้ำที่ผสมกับสบู่จางๆ เช็ดทำความสะอาด หรือใช้น้ำยาทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ไม้โดยเฉพาะก็ได้ ใช้ง่าย และยังสามารถช่วยบำรุงผิวไม้ได้อีกด้วย
     

    บ้านปูน

              ความแข็งแรงของบ้านปูน จะขึ้นอยู่กับโครงสร้างที่ใช้ ส่วนผสมของคอนกรีต เทคนิคการก่ออิฐ ฉาบปูน และงานระบบต่างๆ เช่น งานฝ้าเพดาน งานประปา และงานไฟฟ้า เป็นต้น

     

     

     

              บ้านปูนมีลักษณะที่ทันสมัย และสวยงาม แต่ผนังของบ้านปูนจะมีความทึบแสง ไม่โปร่งเท่ากับบ้านไม้ ดังนั้น อาจแก้ไขได้โดย การจัดแปลนบ้านให้ลมสามารถพัดผ่านเข้าภายในบ้านได้ และจัดให้ห้องที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน อยู่ในด้านที่โดนแดดจัดๆในตอนกลางวัน เช่น ห้องเก็บของ เป็นต้น หรือทำช่องระบายอากาศให้มากขึ้น และทำหน้าต่างให้กว้างขึ้นด้วย

     

    ข้อควรระวังสำหรับบ้านปูน คือ

    ควรใช้ช่างที่มีความชำนาญ ไม่เช่นนั้น อาจทำให้เกิดรอยร้าวได้ ดูไม่สวยงาม และอาจเกิดคราบดำขึ้นที่ผนัง เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ และชนิดของปูนให้เลือกใช้มากมาย ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ให้ถูกต้องตามแต่ละประเภทด้วย และสำหรับผู้ที่ต้องการจะรีโนเวทบ้านปูน ต้องทำการทุบ หรือรื้อถอนของเก่าทิ้งก่อนเท่านั้น ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก ยกเว้น ประตู หน้าต่าง วงกบ บันได ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ถ้าอยู่ในสภาพที่ดี

     

              สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจ หรือกำลังสับสนอยู่ บทความนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการนำมาช่วยพิจารณา ในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ว่าจะเลือกสร้างบ้านแบบไหนดี จึงจะเหมาะสมสไตล์ และการอยู่อาศัยของเรามากที่สุด

     

    ขอบคุณรูปภาพจาก Pinterest

  •                       ประโยชน์ของผ้าม่านนอกจากความสวยงามแล้วนั้นยังช่วยป้องกันแสงแดดหรือป้องกันให้บุคคล อื่นมองเข้ามาภายในบ้านได้การเลือกผ้าม่านก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะผ้าม่านมีหลายประเภท หลายสไตล์ การเลือกผ้าม่านนั้นต้องให้เหมาะกับบ้านของผู้อยู่อาศัยด้วย วันนี้เรามีตัวอย่างของการเลือกผ้าม่านมาใช้ในแต่ละห้องมาฝากกัน

     

     

     

    แบบผ้าม่านสไตล์ต่างๆ

     

     

    1.ห้องนอน

    ควรเลือกผ้าม่านแบบที่มีความหนามากพอช่วยในการบังแดดที่ส่องมาตอนเช้าและความร้อนในตอนกลางวันช่วยบังสายตาจากภายนอก ควรเลือกผ้าม่านที่กันแสงได้ (Blackout)

     

    สี ต้องเลือกที่เข้ากับโทนสีของห้องและเฟอร์นิเจอร์ อาจจะเป็นสีโทนเย็นและสว่างเพื่อให้ความรู้สึกสบายตา ทำให้ห้องดูกว้างขึ้นด้วย

    ผ้าม่านที่เหมาะกับห้องนอน ม่านจีบ, ม่านพับ, ม่านตาไก่, ม่านลอน, มู่ลี่ไม้

     

      

    2.ห้องทำงาน

    ควรเลือกใช้ผ้าม่านที่ควบคุมแสงและบังสายตา จากภายนอกในระดับที่พอดี ควรใช้ผ้าพื้นสีเรียบๆหรือแบบที่มีลายเล็กๆ หรือใช้เป็นม่านปรับแสง หรือมู่ลี่เพราะสามารถปรับระดับการลอดของแสงได้ตามต้องการ เรียบง่าย สบายและโปร่ง

     

     

     

    3.ห้องรับแขก

    ควรเลือกใช้ผ้าม่านที่มีความสวยงาม แล้วแต่ความชอบให้ห้องดูโล่งกว้างให้ความผ่อนคลาย ช่วยกันกรองแสงได้ เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับเจ้าของบ้าน

     

     

     

     

    4.ห้องครัว

    ควรเป็นม่านโปร่ง สามารถควบคุมแสง กันฝุ่นเวลาทำกับข้าวได้อย่างพอเหมาะ ช่วยระบายอากาศ เช่น ม่านปรับแสง หรือม่านม้วน เพราะสามารถปรับระดับแสงตามต้องการ และบังสายตาจากแสงแดดจ้าๆ ได้ ทำความสะอาดง่าย

     

     

     

    5.ห้องน้ำ

    สร้างความเป็นส่วนตัว สวยงามและสบายตา ผ้าม่านที่เหมาะสมคือ มู่ลี่ เพราะง่ายต้องการเช็ดและทำความสะอาด ทนน้ำ ดูแลง่าย ไม่ดูดน้ำ และไม่สร้างกลิ่นอับ

     

     

    6.ห้องทานอาหาร

    สร้างบรรยากาศและความสวยหรู ให้น่าทานอาหารมากขึ้น สามารถควบคุมแสงที่ผ่านเข้ามาได้ตามความต้องการ สามรถใช้ได้ทั้งมู่ลี่และผ้าม่าน แต่ถ้าเป็นผ้าควรเป็นแบบกรองแสง อย่าทึบจนเกินไป ไม่ควรใช้ผ้าที่มีน้ำหนักหรือหนามาก เพราะกลิ่นอาหารสามารถติดได้ง่าย

     

  • ผนังเบา มีความหมายอย่างไร? มีขั้นตอนการติดตั้งยังไง? และวัสดุที่ใช้ควรเป็นแบบไหน และมีชนิดไหนบ้าง? เรามาทำความรู้จักไปพร้อมๆกันนะคะ 

     

     

    การกั้นห้องด้วยผนังเบาถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สะดวกและรวดเร็ว เพื่อนๆลองนำวิธีนี้ไปปรับใช้ให้เหมาะกับบ้านของแต่ละคนได้นะคะ

  • หลายคนคงประสบกับปัญหาคราบ และกลิ่นฉี่ของเจ้าหมา แมวที่ติดอยู่บนพื้น หรือตามผนังบ้าน ซึ่งเป็นปัญหาหนักใจสำหรับผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงแสนรักไว้เป็นเพื่อนคลายเหงา เพราะกลิ่นฉี่ของเจ้าสัตว์เหล่านี้ช่างเหม็นฉุนกวนใจ โดยเฉพาะเมื่อมีแขก หรือผู้ใหญ่มาเยี่ยมเยือนคงจะไม่ดีแน่ วันนี้เราจึงขอนำเสนอวิธีการกำจัดกลิ่นฉี่ของน้องหมา น้องแมวแบบเทพให้ได้ทราบกัน รับรองว่าปลอดภัยและไม่รุนแรงต่อสัตว์อย่างแน่นอนค่ะ

     

     

      

     

     

     

     

     

     

     

    เห็นไหมคะว่า การดูแลบ้านให้ปราศจากกลิ่นเหม็น และคราบฉี่ของน้องหมา น้องแมวไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราต้องรู้วิธีทำความสะอาดที่ถูกต้อง และหมั่นดูแลทำความสะอาดบ่อยๆ รวมถึงฝึกน้องหมา น้องแมวให้รู้จักฉี่เป็นที่เป็นทาง เพราะนอกจากจะเป็นการรักษาสุขอนามัยที่ดีต่อตัวเอง และสัตว์เลี้ยงตัวโปรดแล้ว ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อแขก หรือญาติผู้ใหญ่ที่มาเยี่ยมเยือนอีกด้วยค่ะ