ปัญหากระเบื้องระเบิดเกิดจากอะไรได้บ้าง?
By vLIVING PRO06 ธันวาคม 2567 09:38:20

ปัญหากระเบื้องระเบิดเป็นปัญหาที่เกิดกับเทคนิคการปูกระเบื้องโดยตรงเพราะตามลักษณะของกระเบื้องแล้วหากใช้วิธีการปูที่ไม่ดีอาจทำให้เกิดปัญหาที่ทำให้กระเบื้องแตกร้าว หรือระเบิดได้ดังนี้

1.ปูกระเบื้องเว้นแนวร่องชิดเกินไป

ช่างหลายคน ชอบปูกระเบื้องร่องชิด เพื่อให้ดูสวยงาม แต่หากในบริเวณที่ปูกระเบื้องนั้น มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิระหว่างวันมาก คือ กลางวันอากาศร้อนจัด ส่วนเวลากลางคืน อุณหภูมิก็ลดลงเร็ว ทำให้ตัวกระเบื้องมีการขยายตัวตอนกลางวัน และหดตัวตอนกลางคืน แต่เมื่อมีการปูกระเบื้องเว้นร่องน้อย ทำให้เมื่อกระเบื้องมีการขยับตัว จะเบียดกันเอง ทำให้เกิดการโก่ง และแตกออกมาจากพื้นได้

2.ไม่ได้ทาปูนกาวลงบนหลังกระเบื้อง หรือมีการปูกระเบื้องแบบซาลาเปา

ช่างกระเบื้องบางคน เวลาปูกระเบื้อง จะทาปูนลงบนพื้นเท่านั้น แต่ไม่ได้ทาปูนกาวที่แผ่นกระเบื้อง โดยช่างจะทำการวางกระเบื้องบนปูนที่เตรียมไว้ และเคาะให้ได้ระดับไปเลย ทำให้การยึดเกาะตัวระหว่างพื้นกับกระเบื้องไม่ดีเท่าที่ควร (จะเห็นจากรูปกระเบื้องที่แตก หลุดร่อนออกมา ไม่มีปูนติดกระเบื้อง)  หรืออาจเกิดจากการที่ช่างใช้วิธีปูกระเบื้องแบบซาลาเปา คือ ใส่ปูนแค่บริเวณกลางแผ่นกระเบื้อง แล้วทำการเคาะให้ได้ระดับ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ช่างทำงานง่าย และเร็ว แต่ประสิทธิภายในการยึดเกาะของกระเบื้องกับพื้นเดิม ไม่ดี และกระเบื้องก็มีโอกาส แตกบิ่น บริเวณมุมได้ง่ายอีกด้วย

 

การแก้ไขสำหรับกรณีที่เกิดกระเบื้องระเบิด

1.ควรเลาะกระเบื้องเก่าออกทั้งหมด แล้วทำการปูใหม่และสำหรับบ้านสร้างใหม่ เราก็สามารถป้องกันปัญหาดังกล่าวได้

2.การปูให้ถูกวิธีตั้งแต่แรก คือ ปรับระดับพื้นให้เหมาะสม

 

3.ใช้ปูนกาวซีเมนต์ที่มีคุณภาพ โดยทาให้เต็มทั้งพื้นและทาที่หลังกระเบื้องด้วย แล้วทำการเว้นร่องกระเบื้องตามระยะที่กำหนด ก็จะทำให้พื้น ที่เราปูกระเบื้องไว้ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน คงทนไปตลอดอายุการใช้งาน

 

 

 

vLIVING PRO
สนใจติดต่อโฆษณาเว็บไซต์กับ vLIVING PRO โทร.02-101-9493 #16, 082-359-3382
บทความอื่นที่น่าสนใจ
  • ใครที่เคยพูดว่าดอกไม้ เมื่อแห้งเหี่ยวแล้วก็ต้องโยนทิ้งไป คงต้องเปลี่ยนความคิดซะแล้วหล่ะ เพราะดอกไม้แห้งก็สวยงามได้ ถ้าสามารถรักษารูปทรงเดิมให้อยู่ได้ เรามายืดอายุให้กับดอกไม้กันเถอะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นดอกอะไรก็สามารถทำได้ และไม่ยุ่งยาก จะทำเป็นของที่ระลึก ของขวัญ หรือทำเป็นบุหงารำไป ช่วยเพิ่มความหอมสดชื่นให้บ้านก็ได้นะคะ งั้นเรามาเริ่มทำไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ

    1. ตากดอกไม้เพื่อทำดอกไม้แห้งให้ฟอร์มยังคงความสวยงามอยู่เหมาะเดิม

    วิธีทำมีดังนี้

    1. เลือกดอกไม้ที่ต้องการทำเป็นดอกไม้แห้ง  เด็ดกลีบช้ำ ขาด แหว่ง หรือไม่สวยทิ้งไป

    2. ตัดก้านดอกไม้ออกสักนิด แต่ต้องไม่น้อยกว่า 6 นิ้ว

    3.  ใช้เชือกมัดตรงปลายก้านรวมกันเป็นช่อ สำหรับแขวนกลับหัว ให้ดอกไม้ห้อยลงล่าง ก้านชี้ขึ้นข้างบน เพื่อรักษาตัวดอกไม้ให้คงรูป ในห้องที่มีอากาศถ่ายเท ป้องกันการเกิดเชื้อราที่กลีบของดอก

    4. ทิ้งไว้ 2-3 สัปดาห์ดอกไม้จะแห้งสนิท และก้านจะตั้งตรงไม่หักงอ 

    วิธีนี้เหมาะกับดอกไม้ที่มีกลีบหนาและทน แต่ไม่เหมาะกับดอกไม้ประเภทกลีบบางช้ำง่าย เพราะกลีบจะเหี่ยวย่น ยับยู่ หรืออาจจะร่วงระหว่างตากลมได้ค่ะ

      

     

    2. แช่ด้วยสารดูดความชื้น หรือซิลิก้าเจล เป็นสารที่ใส่อยู่ในถุงเล็กๆ ที่ติดมากับห่อขนม กล่องรองเท้า กระเป๋า หรือผลิตภัณฑ์บางประเภท สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายเคมีทั่วไป และสามารถใช้ซ้ำได้เรื่อยๆ

    วิธีการทำมีดังนี้

    1. เอาสารดูดความชื้นใส่ในภาชนะทรงสูง แล้วตั้งดอกไม้ให้ตรง จัดให้อยู่ในทรงที่เราต้องการ

    2. เทสารดูดความชื้นให้ดอกไม้ให้มิด

    3. ปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 3-7 วัน แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ หรือถ้าอยากได้เฉพาะดอก ก็สามารถตัดก้านออกได้ แล้วใส่ในภาชนะที่ไม่ต้องสูงมาก 

    4. เอาเข้าไมโครเวฟ 1-2 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย หรือหากไม่มีไมโครเวฟ ก็สามารถวางทิ้งไว้เฉยๆ ได้ แต่จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์

    5. ล้างมือให้สะอาด ภาชนะที่นำมาใช้ก็ทิ้งไปเลยนะคะ หรือนำไปใช้อย่างอื่นก็ได้ แต่ห้ามใช้ใส่อาหารเด็ดขาด

     

     

    3. การทับดอกไม้ วิธียอดฮิตสมัยเด็กๆ

    วิธีการทำมีดังนี้ 

    1. เลือกดอกไม้ ควรใช้ดอกไม้ที่มีขนาดเล็กและแบน หลีกเลี่ยงการใช้ดอกไม้ที่มีก้านอ้วนๆ หรือที่มีกลีบบาง เพราะจะได้รับความเสียหายได้ง่าย
     
    2. วางดอกไม้บนกระดาษที่ผิวแห้ง ด้าน ไม่มันเงา เช่น หนังสือพิมพ์ กระดาษแข็งหรือกระดาษทิชชู่
     
    3. นำไปสอดไว้ในหนังสือเล่มหนาอีกครั้ง อาจใส่กล่อง หรือแผ่นไม้หนักๆ วางทับลงอีกที ทิ้งไว้ประมาณ 1-3 อาทิตย์ แค่นี้ก็จะได้ดอกไม้แห้งที่บางเรียบคงตัวตามแบบที่จัดไว้ แล้วอาจนำไปใส่กรอบรูป หรือเคลือบทำเป็นที่คั่นหนังสือก็ได้
     
      
     
     
    4. การอบแห้งในเตาอบลมร้อน
     
    วิธีการทำมีดังนี้
    1. เตรียมดอกไม้ที่ต้องการ แล้วตัดลวดตาข่ายแบบดัดได้ ขนาดใหญ่พอสำหรับดอกไม้ จากนั้นวางดอกไม้พาดช่องว่างของตะแกรง
     
    2. เปิดไฟวอร์มเตาอบก่อน และควรใช้เตาอบลมร้อนที่ระบายอากาศได้ดี โดยใช้อุณหภูมิต่ำ เมื่อเตาอบร้อนถึง 38ºC ให้วางตะแกรงที่เรียงดอกไม้ใส่เข้าไปในเตาอบ
     
    3. ปล่อยทิ้งไว้ในเตาอบลมร้อนประมาณ 1 ชั่วโมง การใช้ระยะเวลาในการอบแห้งจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดและจำนวนของดอกไม้ที่ใช้ ไม่ควรใช้เตาอบทั่วไป เพราะมีความชื้นมากเกินไป
     
    4. เมื่อดอกไม้แห้งสนิทแล้ว นำออกมาจากเตาอบและพักไว้บนตะแกรงให้เย็นลง แล้งฉีดสเปรย์ใส่ผม หรือสารคงสภาพดอกไม้ เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ทนทานของดอกไม้แห้ง
      
     

    ลองทำตามกันดูนะคะ เป็นวิธีที่ง่ายๆ มีให้เลือกหลายวิธี และหากเพื่อนๆ คนไหน ทำแล้วติดใจ อาจลองทำขายก็ได้นะคะ ใช้เวลาว่างให้เกินประโยชน์ แถมยังสามารถทำเป็นรายได้เสริมได้อีกด้วยค่ะ 

     

    ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest

     

  •  

             วัสดุปูพื้นภายนอกมีหลากหลายประเภท แต่ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือทรายล้าง เป็นที่นิยมใช้งานกันมาก

    วันนี้เรามีเทคนิคและการใช้งานมาฝากกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

  • ปัญหาที่มาพร้อมกับหน้าฝนคงจะหนีไม่พ้นเรื่องรั่วตามจุดต่างๆของบ้านผมมีวิธีแนะนำให้ตรวจสอบดูครับว่า 
    วิธีการตรวจเช็คเพื่อไม่ให้เกิดหลังคารั่วได้ มีวิธีการอย่างไร

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

  • วงกบ หลายคนคงได้ยินชื่อบ่อยๆเวลาเราจะสร้างบ้าน

    หรือรีโนเวทบ้าน วงกบมีหน้าที่ทำอะไรในส่วนไหนของบ้าน มาดูกันเล้ยยย

     

  • เพื่อนๆ เคยรู้สึกไหมว่า ผนังบ้านของเราบางทีมันดูโล่งๆ เหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง วันนี้เราจึงมีไอเดียดีๆ สำหรับการแต่งผนังให้มีสีสันสวยงามมาแนะนำกันค่ะ และยังสามารถใช้สิ่งของที่อยู่ใกล้ตัวมาแต่งผนังได้อีกด้วย เช่น กรอบรูป จาน งานศิลปะที่ทำขึ้นเอง อุปกรณ์ต่างๆ ที่หาได้ตามบ้าน หรือของที่ไม่ใช้แล้วก็สามารถนำมาสร้างสรรค์เป็นของเก๋ๆ สำหรับใช้ประดับผนังห้องได้ เราได้รวบรวมไอเดียต่างๆเหล่านั้นมาฝาก จะมีอะไรบ้างไปชมกันเลย

    1. แต่งผนังด้วยคลิปบอร์ด เพิ่มความแปลกให้ให้กับผนังบ้าน

    หากกลัวว่าผนังเสียหาย อาจใช้เพ็กบอร์ด หรือกระดานมายึดติดกับผนังก่อน แล้วจึงนำคลิปบอร์ดที่มีขนาดแตกต่างกันมาติด พร้อมทั้งนำรูปภาพ งานศิลปะที่ชื่นชอบ หรือทำขึ้นเองมาหนีบไว้กับคลิปบอร์ด เพื่อเพิ่มความสดใส สวยงาม น่ารักให้กับบ้าน

      

     

    2. แต่งผนังด้วยรูปถ่ายใบโปรด หรือผลงานสร้างสรรค์

    อาจเพิ่มความเก๋ไก๋โดยการเลือกใช้รูปภาพของเราเอง อาจทำภาพกราฟฟิค หรือลวดลายสวยๆ แปลกตาด้วยตัวเองก็ได้ นำมาใส่ในกรอบรูปสวยๆ ที่มีขนาดแตกต่างกัน เพื่อช่วยเพิ่มลูกเล่นให้กับผนังให้มากขึ้น

      

     

    3. แต่งผนังห้องด้วยงานจักสาน

    งานจักสานแบบไทยๆ ของบ้านเราก็สามารถนำแต่งผนังห้องให้ดูสวยงาม สะดุดได้นะคะ เปลี่ยนจากการใช้งานแบบเดิมๆ ให้มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น โดยการนำมาเป็นเฟอร์นิเจอร์สำหรับการตกแต่งบ้าน แถมยังช่วยเปลี่ยนอารมณ์ บรรยากาศของบ้านได้อีกด้วย

     

    4. ใช้หมวกใบโปรดมาแต่งผนัง

    หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบ และมีของสะสมเป็นหมวก ซึ่งกำลังพบกับปัญหาที่เก็บหมวกไม่เพียงพอไม่รู้จะเอาไปวางตรงไหน  ไอเดียนี้สามารถตอบโจทย์คุณได้ค่ะเ พราะนอกจากจะเป็นที่เก็บให้คุณได้แล้ว ยังกลายเป็นของแต่งบ้านช่วยเพิ่มความชิคให้กับบ้านของคุณได้อีกด้วย

       

     

     

    5. แต่งผนังด้วยงานศิลปะจากฝีมือตัวเอง

    ไอเดียนี้เหมาะกับคนที่รักงานศิลปะเป็นชีวิตจิตใจ อาจจะเป็นงานภาพวาด งานกราฟฟิคสวยๆ หรืองานศิลปะของเด็กๆ นำมาติดผนัง ซึ่งเป็นของตกแต่งที่มีคุณค่าทางใจ และความภูมิใจของเจ้าของ อีกทั้งยังเพิ่มความสดใสให้กับบ้านได้ด้วยค่ะ

       

     

    6. นำกิ่งไม้ ใบไม้มาแต่งผนัง เพิ่มความสดชื่นให้กับบ้าน

    กิ่งไม้ ใบไม้ที่หักร่วงหล่นในสวนที่บ้าน อย่าเห็นว่าไม่มีค่านะคะ ของเหล่านั้นสามารถนำมาประดิษฐ์แล้วใส่กรอบรูปทำเป็นของแต่งบ้านได้ค่ะ ให้อารมณ์ความรู้สึกไปอีกแบบ เหมาะกับคนรักธรรมชาติมากๆเลยค่ะ

      

     

    7. ตกแต่งผนังด้วยจานชามที่ไม่ใช้แล้ว

    จานชามต่างๆ ที่มีอยู่ในบ้านถ้าไม่ได้ใช่แล้ว ลองเอามาเพ้นท์สี หรือตกแต่งลดลายลงบนจานใบเก่าดูนะคะ แล้วนำมาติดกับผนังบ้าน แค่นี้คุณก็จะได้ของแต่งผนังที่มีความแปลกให้ สวยงาม สดุดตาไม่เหมือนใครแล้วค่ะ

      

     

    เป็นอย่างไงบ้างคะ สำหรับไอเดียการตกแต่งผนังบ้านจากของใกล้ตัวที่สามารถหาได้ทั่วไป ทั้งหมดที่เรานำมาแนะนำนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างบางส่วนเท่านั้น หากที่บ้านของคุณมีของสะสม หรือของที่เก็บไว้นานไม่ได้ใช้ ลองนำมาทำดูก็ได้นะคะ ไม่แน่ว่าอาจได้ของเก๋ๆชิ้นใหม่สำหรับใ้ช้ในการแต่งบ้านก็ได้ค่ะ 

     

    ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest