บทความอื่นที่น่าสนใจ
  • ประวัติ

    บริษัท อิสรา ลิฟวิ่ง จำกัด เป็นบริษัทเกี่ยวกับ “บ้านระบบสำเร็จรูป”  ก่อตั้งขึ้นเมื่อต้นปี 2558 จากความรัก ความสนใจในเรื่องเดียวกันของสถาปนิก 3 ท่าน ประกอบด้วย กระผม ชยดล ปิยะวาณิชเสถียร (ปิ๊ก) เอกรัฐ เฉลิมชิต (เอก) และปียพัทธ์ เชี่ยววานิช (แต้ว) ซึ่งทุกคนเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน จากคณะสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และต้องการที่จะทำให้เป็นธุรกิจที่มั่นคง

    จุดเริ่มต้นของธุรกิจบ้านสำเร็จรูปคืออะไร และรวมตัวกันได้อย่างไร

    เริ่มต้นจากการที่เราพูดคุยกัน ถึงเรื่องที่เกี่ยวกับปัญหามากมายในวงการก่อสร้าง แล้วก็ลองคิดกันเล่นๆว่า จะมีวิธีไหน หรือหนทางใดที่จะเป็นทางออกสำหรับปัญหาเดิมๆที่เกิดขึ้น อาทิเช่น การเป็นผู้รับเหมางานสร้างในที่ที่ต้องเดินทางไป-กลับ ต้องหาที่พักให้กับคนงาน หรืออาจสร้างความเดือดร้อนรำคาญใจให้กับเจ้าของบ้านบริเวณใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นเสียง ฝุ่น รวมถึงการเก็บงาน ซึ่งหากทำในโรงงานจะทำได้ง่ายและเร็วกว่า เป็นต้น เมื่อเราได้พบเจอกับบ้านหลังเล็กๆ หรือศาลาที่วางขายตามข้างทาง จึงเริ่มเกิดไอเดียที่อยากจะย้ายสถานที่ก่อสร้างจากหน้างานให้ไปอยู่ในโรงงานแทน  พวกเรานัดประชุมกันหลายครั้ง ก่อนที่จะเปิดเป็นบริษัทฯ เพื่อประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูล วิเคราะห์ตลาด รูปร่างหน้าตาของบ้านที่เหมาะสมกับฟังก์ชั่นและวัสดุที่ใช้ รวมถึงศึกษาเทคนิคการก่อสร้างบ้านสำเร็จรูป  เมื่อความคิดเห็นทุกอย่างตกตะกอน ลงตัวดีที่สุดแล้ว จึงเริ่มต้นทดลองทำบ้านหลังแรกขึ้นมา เพื่อเป็นต้นแบบมีชื่อรุ่นว่า Slope ซึ่งเป็นชื่อเรียกง่ายๆของหลังคาที่เอียงด้านเดียว แต่ที่จริงแล้วอยากตั้งชื่อให้เป็นอะไรที่เกี่ยวกับภูมิประเทศในธรรมชาติ

    บ้านสำเร็จรูปของคุณมีรูปแบบอย่างไรบ้าง มีจุดเด่น และแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร

    พวกเรามีความสุข และสนุกในการทำงาน เราคิดแบบบ้านสำเร็จรูป ทั้งรุ่นและรูปแบบต่างๆ จากการวิเคราะห์ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน จุดเด่นที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ การออกแบบเพิ่มเติมให้ตัวบ้านสอดคล้องกับหน้างานในแต่ละที่ จากสถาปนิกผู้เชี่ยวชาญ อาทิเช่น คิดเรื่องการเข้าถึง การจัดวาง และออกแบบตัวบ้านให้สามารถรับลมได้ แต่ก็หลบแดดได้ด้วย คิดถึงเรื่องการเชื่อมต่อกับบ้านเดิม ทำให้ลูกค้าได้บ้านที่เหมาะสมกับตัวเองจริงๆ เป็นต้น ไม่ได้ทำขึ้นมาเพื่อวางขายเรียงกันเยอะๆหลายหลังๆ

    เป้าหมายทางธุรกิจในอนาคตเป็นอย่างไร จะพัฒนาต่อยอดไปในทิศทางไหน

    เมื่อผ่านการทำงานมาเกือบ 3 ปี เราพบว่าต้องมีการพัฒนาแบบบ้านให้มีความทันสมัยมากขึ้น และสวยงามอยู่เสมอ มีการออกแบบบ้านสำเร็จรูปรุ่นใหม่ๆออกมาเพิ่มเติมเรื่อยๆ ออกแบบระบบต่างๆภายในบ้านเพื่อช่วยเสริมความสมบูรณ์ให้กับตัวบ้าน ใส่นวัตกรรมใหม่ๆลงไป เช่น ระบบระบายอากาศทำให้บ้านเย็น ระบบโซล่าเซลล์ ระบบเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าและแสงสว่างอัตโนมัติ เป็นต้น รวมทั้งออกแบบระบบการผลิตที่โรงงานให้มีความรวดเร็วและเรียบง่ายมากยิ่งขึ้น สามารถใช้เป็นต้นแบบในการขยายสาขาต่อไปได้ในอนาคตด้วย

    ฝากทิ้งท้ายสำหรับธุรกิจของคุณ ถึงคนที่กำลังมองหาและสนใจบ้านสำเร็จรูป

    อิสรา ลิฟวิ่ง มีความตั้งใจในการผลิตบ้านสำเร็จรูปที่สามารถตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย ในแง่ความสวยงาม ความรวดเร็วในการสร้าง การควบคุมงบประมาณ จากการมีรุ่นให้เลือกหลายแบบหลายราคา ช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ และความสะดวกสบายให้กับผู้อยู่อาศัย รวมทั้งใช้ระบบสำเร็จรูปทั้งงานฐานราก และตัวบ้าน เพื่อความเรียบร้อยของพื้นที่หน้างาน  มุ่งมั่นตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนยุคใหม่ ฝากติดตามชมบ้านสำเร็จรูปรุ่นใหม่ของเราที่มีชื่อว่า CAVE series ได้ทาง www.esaraliving.com หรือ www.facebook.com/esaraliving หรือติดต่อฝ่ายขายของทางบริษัท ได้ที่ เบอร์ 098 825 7602 และ 064 334 4557 

  • หน้าร้อนมาเยือนแล้ว อากาศก็แสนจะร้อนอบอ้าว และอุณหภูมิโลกสูงขึ้นทุกปี การติดตั้งเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่หลายๆ บ้านใช้ในการแก้ปัญหา ผมมีข้อแนะนำเกี่ยวกับวิธีการเลือกซื้อ การใช้แอร์ และการดูแลรักษาแอร์ ที่ถูกต้องมาฝากครับ

     

    ควรเลือกใช้แอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และจุดที่ทำจะติดตั้งแอร์ ต้องสามารถกระจายควรเย็นได้ทั่วทั้งห้อง

     

    ไม่ควรติดแอร์ด้านที่มีแสงแดดส่องแรงๆ เพราะจะทำให้แอร์ทำงานหนัก สิ้นเปลืองพลังงาน และต้องเสียค่าไฟมากเกินความจำเป็น ควรเลือกขนาดของแอร์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ห้องที่ต้องการติดตั้ง ซึ่งแอร์โดยทั่วไปมีขนาดตั้งแต่ 9,000 – 60,000 BTU

     

    ควรตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม คือ 25 องศา หรือ ประมาณ 26 – 28 องศา จริงๆแล้ว การตั้งอุณหภูมิที่ 25 องศา ไม่ได้ช่วยให้ประหยัดไฟที่สุด แต่เป็นอุณหภูมิที่ร่างกายรู้สึกเย็นสบายพอดี เช่น บางคนอาจจะชอบที่อุณหภูมิ 27 หรือ 28 องศา เป็นต้น ร่างกายของแต่ละคนจะรู้สึกเย็นสบายในอุณหภูมิที่แตกต่างกัน และอุณหภูมิยิ่งสูง ยิ่งช่วยให้ประหยัดค่าไฟ แต่ไม่ควรเปิดแอร์อุณหภูมิสูงจนไม่เกิดความเย็น ซึ่งจะกลายเป็นว่า ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากการเปิดใช้แอร์ ถือเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานด้วย และควรล้างแผ่นกรอง และตะแกรงแอร์ เดือนละ 1 ครั้ง

     

    ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ในห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ เช่น เตาไฟฟ้า ไมโครเวฟ เป็นต้น รวมทั้ง ควรล้างแอร์ปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน และประหยัดค่าไฟ

     

    หากต้องการเปิดใช้แอร์ควรปิดประตู – หน้าต่างให้มิดชิด เพื่อไม่ให้ความเย็นรั่วไหลออกภายนอกห้อง และใส่เสื้อผ้าที่สบายๆ เหมาะกับสภาพอากาศ หรือถ้าที่บ้านจำเป็นต้องเปิดใช้แอร์นานต่อเนื่องเกิน 8 ชั่วโมง ควรเลือกใช้แอร์ Inverter เพราะจะช่วยให้ประหยัดไฟได้เกือบ 50% เลยทีเดียว

     

    ไม่ควรสูบบุหรี่ในห้องแอร์ เพราะทำให้ต้องเปิดพัดลมระบายอากาศ เพื่อช่วยระบายกลิ่น และควันบุหรี่ ทำให้ความเย็นจากแอร์ถูกดูดออกไปด้วย ส่วนคอยล์ร้อน ควรติดตั้งให้อยู่ในจุดที่โดนแดดน้อยที่สุด หรืออยู่ในที่ร่ม และมีอากาศที่สามารถถ่ายเทได้สะดวก หรือติดตั้งให้ห่างจากผนังอย่างน้อย 15 เซนติเมตร เพื่อช่วยระบายความร้อนได้ดี และยังช่วยประหยัดไฟได้ถึง 15 – 20 %  ควรปิดแอร์ก่อนออกจากห้องอย่างน้อย 30 นาที เพราะถึงแม้จะปิดแอร์แล้วแต่ก็ยังคงมีความเย็นอยู่ และปิดคัทเอาท์แอร์ทุกครั้งเมื่อเลิกใช้งาน

     

    วิธีต่างๆ เหล่านี้น่าจะช่วยให้เพื่อนๆ ใช้แอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งค่าไฟฟ้า และค่าบำรุงรักษา รวมทั้งยังให้ความเย็นที่เพียงพอกับความต้องการได้ตลอดเวลา ที่สำคัญยังช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้อีกด้วย

     

  • สำหรับบทความนี้ ขอเอาใจคนรักสุนัข หรือมีสุนัขเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวกันซักหน่อยนะคะ โดยเรามีตัวอย่างบ้าน และที่นอนของน้องหมาตัวโปรด ซึ่งเป็นแบบที่ง่ายๆ มาฝากกันค่ะ  มีทั้งแบบ in door และ out door คิดว่าน่าจะทำตามได้ไม่ยากนัก มาดูกันค่ะว่ามีแบบไหนบ้าง 

       

     

       

     

      

    รูปแบบบ้านของน้องหมาที่ได้นำเสนอไปนั้น หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเจ้าของสุนัข ที่ต้องการให้สุนัขตัวโปรดของคุณมีบ้าน หรือมีที่นอนส่วนตัว เพื่อความเป็นสัดส่วน และเป็นระเบียบเรียบร้อย และเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าสุนัขตัวโปรดของคุณต้องชอบใจมากอย่างแน่นอน

    ขอบคุณภาพประกอบจาก pinterest 

  • การรั่วซึมของดาดฟ้าและระเบียงบ้าน เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุด้วยกัน  สิ่งแรกที่ควรทำ คือ หาจุดรั่วซึมที่แท้จริงให้เจอ เนื่องจากแต่ละจุดมีวิธีการซ่อมแซมที่แตกต่างกัน ดังนี้

     

     

     

      1.ดาดฟ้าและระเบียงตากแดด ฝนมาเป็นเวลานาน ทำให้พื้นคอนกรีตเสื่อมสภาพ น้ำจึงซึมผ่านได้ง่าย

      2.พื้นผิวมีความลาดชันน้อย ทำให้น้ำระบายได้ไม่ดี จึงเกิดน้ำท่วมขัง

      3.พื้นบนดาดฟ้าแอ่นเป็นบ่อ อาจเกิดจากการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน จึงทำให้เกิดแอ่งน้ำขึ้นบนดาดฟ้า เช่น การผสมปูนผิดสัดส่วน หรือการเทคอนกรีตพื้นที่ไม่ได้ระดับ เป็นต้น จึงทำให้เกิดน้ำขัง

      4.พื้นมีรอยร้าว รอยแตกลายงา หรือแตกตามแนวคาน สาเหตุอาจเกิดจากไม่ได้เสริมเหล็กตามแนวคาน ก่อนเทคอนกรีต ดังนั้นจึงควรใส่เหล็กเสริมไว้ตั้งแต่ทำการก่อสร้างครั้งแรก ก่อนที่จะเทคอนกรีตไม่ควรปล่อยให้เกิดปัญหาแล้วถึงจะทำ

      5.ขนาดของท่อน้ำทิ้งเล็กเกินไป จึงทำให้ท่อน้ำอุดตัน หรือจำนวนของท่อน้ำทิ้งไม่พอต่อการระบายน้ำ

     

     

     

    วิธีแก้ไขปัญหาดาดฟ้าและระเบียงบ้านรั่วซึม มีดังนี้

     

      

     

    1.สกัดปูนทรายของเดิมตรงบริเวณที่เป็นแอ่งน้ำออก จากนั้นทาระบบกันซึม แล้วเทปูนทรายปรับระดับพื้นใหม่

    2. ใช้ฝาตะแกรงน้ำทิ้งแบบ Roof Drain ซึ่งมีฝาตะแกรงยกสูงจากพื้น เพื่อช่วยป้องกันการอุดตันที่ปากท่อน้ำทิ้ง ขนาดทั่วไปที่ใช้งานกันคือ ต่อกับท่อ 2 - 3 นิ้ว และควรติดตั้งท่อน้ำทิ้งอย่างน้อย 1 จุด ต่อพื้นที่ 30 – 40 ตารางเมตร

    3. อาจเลือกใช้ฟลิ้นโค้ททาบริเวณรอยแตกร้าว แล้วใส่น้ำขังทิ้งไว้ เพื่อหารอยรั่วซึม ถ้ารอยแตกมีขนาดใหญ่ และกว้าง ควรทาซีเมนต์กันซึมด้วย

    4. การปูกระเบื้องเซรามิคทับบนผิวพื้น ซึ่งสามารถกันการรั่วซึมได้ดี รวมทั้งสามารถทนแดด และฝนได้ดีกว่าปูนซีเมนต์ทั่วไป แต่ควรระวังเรื่องยาแนวหลุดร่อนตามรอยต่อของกระเบื้อง ดังนั้นจึงควรใช้ยาแนวที่มีคุณภาพดี และหมั่นดูแลซ่อมแซมกำจัดสิ่งสกปรกอย่างสม่ำเสมอด้วย

      

    ผู้อ่านทุกท่าน คงทราบถึงสาเหตุ การป้องกัน และการแก้ไขปัญหาดาดฟ้า และระเบียงรั่วซึมกันไปแล้ว ต่อจากนี้ไปเมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝน ก็ไม่ต้องหนักใจกับปัญหาจุกจิกกวนใจ เหล่านี้อีกต่อไปแล้วหล่ะค่ะ

     

    ขอขอบคุณรูปภาพจาก Pinterest
  •