ปัญหาบ้านที่มากับหน้าฝนตอนที่ 3 หน้าต่างบ้านรั่วซึม
By vLIVING PRO26 เมษายน 2560 11:38:58

 

 

เมื่อฤดูฝนใกล้เข้าบ้านหลายๆหลังอาจต้องพบเจอกับปัญหารอยรั่วซึมจากพื้นที่ต่างๆรอบบ้านที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งรอยรั่วจากหน้าต่างก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดน้ำซึมเข้าบ้าน และเกิดความเสียหายกับส่วนอื่น ๆ ของบ้านได้ ทั้งผนัง พื้น และเฟอร์นิเจอร์ ที่อยู่ใกล้กับบริเวณหน้าต่าง ซึ่งก่อนที่จะทำการซ่อมแซมได้นั้น ต้องสำรวจก่อนว่ามีรอยรั่วอยู่บริเวณใดบ้าง

 

วิธีสังเกตรอยรั่วที่หน้าต่าง มีดังนี้

 

 

 

  1. ตรวจสอบการติดตั้งกระจก ว่ามีความแน่นหนาดีหรือไม่ ถ้ากระจกขยับได้แสดงว่าติดตั้งไม่แน่ นอกจากนี้ ให้ดูว่ามีรอยแตกราวหรือไม่

วิธีแก้ไข คือ ควรเปลี่ยนกระจกใหม่

  1. ตรวจดูว่ามีแสงลอดผ่านขณะปิดหน้าต่างหรือไม่ ถ้ามี แสดงว่าหน้าต่างเกิดรอยรั่ว

วิธีแก้ไข คือ ควรใช้ซิลิโคนอุดรอยรั่วเล็กๆน้อยๆ ตามขอบหน้าต่าง โดยบีบอัดซิลิโคนตามแนวรอยต่อของขอบหน้าต่าง ทั้งด้านนอกและด้านใน

  1. สังเกตรอยคราบเหลือง หรือรอยน้ำซึมใต้ขอบหน้าต่าง และผนังรอบๆ ว่ามีช่องว่างระหว่างวงกบกับผนังปูนหรือไม่ และอาจพบว่าหน้าต่างบวม เบี้ยว หรือปิดไม่สนิท จึงทำให้น้ำไหลย้อนเข้าบ้าน

วิธีแก้ไข คือ สกัดเปิดผิวหน้าปูนรอบวงกบด้านนอกให้กว้างอย่างน้อย 1 เซนติเมตร แล้วใช้โพลียูรีเทน ฉีด อัดรอบวงกบ จากนั้นแต่งหน้าให้เรียบ แล้วทาสีทับเพื่อความสวยงามเรียบร้อย

  1. แผ่นยางกันน้ำตรงขอบหน้าต่างเสื่อมสภาพ เนื่องจากใช้งานมาเป็นเวลานาน

วิธีแก้ไข คือ เปลี่ยนแผ่นยางกันน้ำที่ขอบหน้าต่างใหม่ โดยลอกแผ่นยางอันเก่าออก ควรใช้แผ่นยางที่มีขนาด และความหนาเท่าของเดิม

  1. ขอบวงกบอลูมิเนียมหน้าต่างไม่มีรูระบายน้ำ ทำให้น้ำขัง เอ่อล้น และไหลเข้าบ้าน

วิธีแก้ไข คือ เจาะรูระบายนำที่กล่อง หรือวงกบด้านนอก เพื่อระบายน้ำฝนไม่ให้ไหลย้อนเข้าบ้าน

 

 

 

ข้อแนะนำเพิ่มเติม หน้าต่างควรทำปีกกันสาดเล็กๆ เพื่อป้องกันฝนสาดด้วย

 

ยังมีอีกหลายวิธีที่สามารถป้องกันฝนสาด จากการที่น้ำซึมเข้าทางหน้าต่างได้  ก่อนที่จะเข้าสู่หน้าฝน เราควรสนใจและใส่ใจซ่อมแซมบำรุงรักษาบ้านของเรา  เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งาน และไม่ต้องปวดหัว ทำให้เสียสุขภาพจิตที่ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำรั่วซึมอีกด้วย

 

ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest

vLIVING PRO
สนใจติดต่อโฆษณาเว็บไซต์กับ vLIVING PRO โทร.02-101-9493 #16, 082-359-3382
บทความอื่นที่น่าสนใจ
  • 11 วิธีประหยัดพลังงาน ในบ้าน วันนี้เรามีวิธีง่ายๆที่ช่วยประหยัดพลังงานภายในบ้าน มาฝากกัน

    1.ปิดไฟเมื่อไม่ได้ใช้

    เริ่มปิดไฟในห้องที่ไม่มีคนอยู่และปิดปลั๊กไฟเมื่อเลิกใช้งานปฏิบัติจนเป็นนิสัยเมื่อออกจากห้องให้ปิดไฟทุกครั้ง

    2.เปิดแอร์ที่พอเหมาะ

    สำหรับการใช้เครื่องปรับอากาศควรเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 25 องศา เซลเซียส หากอากาศร้อน ควรเปิดพัดลมช่วยระบายอากาศแทนการเร่งแอร์ให้ต่ำสุด

     

    3.งดเปิดแอร์หากมีอากาศเย็น

    หากอากาสหนาวหรือฝนตก อาจจะงดเปิดแอร์แล้วหันมาเปิดพัดลมหรือหน้าต่างเพื่อช่วยระบายอากาศช่วยประหยัดไฟไปได้เยอะมากยิ่งขึ้น

     

    4.ซักมือแทนการซักผ้า

    หากผ้ามีไม่เยอะมากให้ซักมือแทนการใช้เครื่องซักผ้า

     

     

    5.ปิดหน้าคอมพิวเตอร์เมื่อไม่ได้ใช้งาน

    ปิดคอมพิวเตอร์ทุกครั้งเมื่อได้มีการใช้งาน 

     

    6.ติดม่านเพื่อป้องกันความร้อน

    หากบ้านเป็นกระจกที่โดนแดดมากๆควรติดม่านกันแสงเพื่อให้เครื่องปรับอากาศไม่ทำงานหนักจนเกินไปแล้วยังจะช่วยลดค่าไฟได้อีก

    7.อย่าเปิดตู้เย็นค้างไว้นานๆ

    ห้ามนำของร้อนมาใส่ไว้ในตู้เย็น จะเป็นการทำให้ตู้เย็นทำงานหนักมากเกินไป

     

    8.ถอดปลั๊กออกทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งาน

    ถอดปลั๊กทันทีที่เลิกใช้งานช่วยเรื่องประหยัดไฟแล้วยังช่วยลดการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้อีก

    9.รีดผ้าครั้งละหลายๆตัว

    ไม่ควรพรมน้ำเยอะ เพราะจะทำให้ใช้ความร้อนและเสียค่าไฟมากขึ้น

     

     

    10.ทำความสะอาดหรือบำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นประจำ

    หากปล่อยให้ฝุ่นเกาะหนาจะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานหนักขึ้น

     

  •  ในการทำงานอุปกรณ์เวฟตี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเหตุการณ์อันตรายจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้หากไม่ระวัง วันนี้เรามีอุปกรณ์เซฟตี้ที่ควรมีไว้ในงานก่อสร้างมาฝากกัน

     

     

  • วันนี้ขอแนะนำเครื่องมือก่อสร้างชนิดหนึ่ง ที่ใช้ในการปูกระเบื้อง ซึงเป็นเครื่องมือสำคัญ และขาดไม่ได้สำหรับช่างปูกระเบื้อง นั่นคือ “เกรียงหวี” จะเป็นยังไงมาดูกันเลยค่ะ

     

     

     

     

     

     

    การใช้เกรียงหวีปาดปูนกาวที่ผิวกระเบื้องมีความสำคัญมาก และช่วยให้กระเบื้องติดทนทาน ไม่ลอกร่อนได้ง่ายๆ ด้วยนะคะ ดังนั้น เพื่อนๆ อย่าลืมให้ความสำคัญในการใช้เกรียงหวีสำหรับงานปูกระเบื้องทุกครั้งด้วยค่ะ

  • การเชื่อมเป็นการต่อวัสดุของเหล็กให้รวมตัวเข้าด้วยกัน แล้วสงสัยมั้ยว่า

    เชื่่อมแต้มมันต่างจากเชื่่อมเหล็กทั่วไปตรงไหนมาติดตามอ่านกันได้เลยครับ