ศัพท์ช่างอาทิตย์ละคำ ตอน “สีทาไม่ขึ้น”
By vLIVING PRO20 กุมภาพันธ์ 2561 11:59:29

การทาสีบ้านให้สวยงามเรียบเนียน จำเป็นต้องใช้ช่างมืออาชีพ หรือหากต้องการทาสีบ้านด้วยตัวเองก็ควรศึกษาขั้นตอน และวิธีการทาสีที่ถูกต้องเพื่อให้บ้านอันเป็นที่รักของเราดูดี สวยงามและน่าอยู่ วันนี้เสนอสาเหตุของ "การทาสีไม่ขึ้น" ว่าเกิดจากอะไร เผื่อใครที่พบเจอกับปัญหานี้ จะได้ทราบถึงสาเหตุ และรู้วิธีแก้ไขอย่างถูกต้อง

 

 

 สีทาไม่ขึ้น หมายถึง สียังบางอยู่ อาจเป็นเพราะทาสีบางเกินไป ทำให้มองเห็นรอบแปรงหรือลูกกลิ้ง สาเหตุเกิดจาก ผสมตัวทำละลายลงในสีมากเกินไป จึงทำให้สีบาง (ตัวทำละลาย คือ น้ำ ทินเนอร์ น้ำมันสน เป็นต้น)

 

 

ดังนั้นจึงควรตรวจสอบส่วนผสมอีกครั้ง หรืออาจเป็นเพราะเนื้อสีมีน้อย เพราะใช้สีที่มีราคาถูก หรือใช้ลูกกลิ้งในการทาสี จึงทำให้สีบาง สีไม่ขึ้น หรือขึ้นช้า ทำให้ต้องทาซ้ำๆหลายๆรอบ จนกว่าสีจะเข้ม ทึบ หรือเด่นชัดขึ้น เรียกว่า “สีขึ้น” แต่ไม่ต้องกังวลใจไปนะครับ  เพราะการใช้ลูกกลิ้งทาสี  ถึงแม้ว่าจะต้องทาหลายๆรอบ แต่จะทำให้ได้สีที่เรียบเนียน สวยงาม มากกว่าการใช้แปรงทาสีนะครับ

 

เมื่อทราบถึงความหมายของการทาสีไม่ขึ้น และสาเหตุ รวมทั้งวิธีการทาสีที่ถูกต้องแล้ว เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป สำหรับใครที่ต้องการลงมือทาสีบ้านด้วยตัวเอง แต่เรื่อง การทาสีไม่ขึ้น อาจเป็นแค่ส่วนหนึ่งในอีกหลายๆปัญหาของการทาสีบ้านที่อาจพบเจอได้นะครับ

 

ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest

vLIVING PRO
สนใจติดต่อโฆษณาเว็บไซต์กับ vLIVING PRO โทร.02-101-9493 #16, 082-359-3382
บทความอื่นที่น่าสนใจ
  • การมีมิตรย่อมดีกว่ามีศัตรู บ่อยครั้งที่เราเห็นปัญหามากมาย ของปัญหาเพื่อนบ้านที่รั้วใกล้กัน

    มาจากปัญหาเล็กๆโดยไมไ่ด้ตั้งใจ วันนี้เรามี 9 เทคนิคดีๆมานำเสนอเพื่อนๆนะครับว่า

    มีวิธีอย่างไรบ้างเพื่อไม่ให้มีปัญหากับเพื่อนบ้าน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

  • การรั่วซึมของดาดฟ้าและระเบียงบ้าน เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุด้วยกัน  สิ่งแรกที่ควรทำ คือ หาจุดรั่วซึมที่แท้จริงให้เจอ เนื่องจากแต่ละจุดมีวิธีการซ่อมแซมที่แตกต่างกัน ดังนี้

     

     

     

      1.ดาดฟ้าและระเบียงตากแดด ฝนมาเป็นเวลานาน ทำให้พื้นคอนกรีตเสื่อมสภาพ น้ำจึงซึมผ่านได้ง่าย

      2.พื้นผิวมีความลาดชันน้อย ทำให้น้ำระบายได้ไม่ดี จึงเกิดน้ำท่วมขัง

      3.พื้นบนดาดฟ้าแอ่นเป็นบ่อ อาจเกิดจากการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน จึงทำให้เกิดแอ่งน้ำขึ้นบนดาดฟ้า เช่น การผสมปูนผิดสัดส่วน หรือการเทคอนกรีตพื้นที่ไม่ได้ระดับ เป็นต้น จึงทำให้เกิดน้ำขัง

      4.พื้นมีรอยร้าว รอยแตกลายงา หรือแตกตามแนวคาน สาเหตุอาจเกิดจากไม่ได้เสริมเหล็กตามแนวคาน ก่อนเทคอนกรีต ดังนั้นจึงควรใส่เหล็กเสริมไว้ตั้งแต่ทำการก่อสร้างครั้งแรก ก่อนที่จะเทคอนกรีตไม่ควรปล่อยให้เกิดปัญหาแล้วถึงจะทำ

      5.ขนาดของท่อน้ำทิ้งเล็กเกินไป จึงทำให้ท่อน้ำอุดตัน หรือจำนวนของท่อน้ำทิ้งไม่พอต่อการระบายน้ำ

     

     

     

    วิธีแก้ไขปัญหาดาดฟ้าและระเบียงบ้านรั่วซึม มีดังนี้

     

      

     

    1.สกัดปูนทรายของเดิมตรงบริเวณที่เป็นแอ่งน้ำออก จากนั้นทาระบบกันซึม แล้วเทปูนทรายปรับระดับพื้นใหม่

    2. ใช้ฝาตะแกรงน้ำทิ้งแบบ Roof Drain ซึ่งมีฝาตะแกรงยกสูงจากพื้น เพื่อช่วยป้องกันการอุดตันที่ปากท่อน้ำทิ้ง ขนาดทั่วไปที่ใช้งานกันคือ ต่อกับท่อ 2 - 3 นิ้ว และควรติดตั้งท่อน้ำทิ้งอย่างน้อย 1 จุด ต่อพื้นที่ 30 – 40 ตารางเมตร

    3. อาจเลือกใช้ฟลิ้นโค้ททาบริเวณรอยแตกร้าว แล้วใส่น้ำขังทิ้งไว้ เพื่อหารอยรั่วซึม ถ้ารอยแตกมีขนาดใหญ่ และกว้าง ควรทาซีเมนต์กันซึมด้วย

    4. การปูกระเบื้องเซรามิคทับบนผิวพื้น ซึ่งสามารถกันการรั่วซึมได้ดี รวมทั้งสามารถทนแดด และฝนได้ดีกว่าปูนซีเมนต์ทั่วไป แต่ควรระวังเรื่องยาแนวหลุดร่อนตามรอยต่อของกระเบื้อง ดังนั้นจึงควรใช้ยาแนวที่มีคุณภาพดี และหมั่นดูแลซ่อมแซมกำจัดสิ่งสกปรกอย่างสม่ำเสมอด้วย

      

    ผู้อ่านทุกท่าน คงทราบถึงสาเหตุ การป้องกัน และการแก้ไขปัญหาดาดฟ้า และระเบียงรั่วซึมกันไปแล้ว ต่อจากนี้ไปเมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝน ก็ไม่ต้องหนักใจกับปัญหาจุกจิกกวนใจ เหล่านี้อีกต่อไปแล้วหล่ะค่ะ

     

    ขอขอบคุณรูปภาพจาก Pinterest
  • ตกท้องช้างเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ หากในการก่อสร้างนั้น ผู้รับเหมาทำงานชุ่ย

    ก็จะเกิดปัญหาได้มาดูกันครับว่าตกท้องช้างมันคืออะไร และสาเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอะไร

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

  • ใครที่เคยพูดว่าดอกไม้ เมื่อแห้งเหี่ยวแล้วก็ต้องโยนทิ้งไป คงต้องเปลี่ยนความคิดซะแล้วหล่ะ เพราะดอกไม้แห้งก็สวยงามได้ ถ้าสามารถรักษารูปทรงเดิมให้อยู่ได้ เรามายืดอายุให้กับดอกไม้กันเถอะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นดอกอะไรก็สามารถทำได้ และไม่ยุ่งยาก จะทำเป็นของที่ระลึก ของขวัญ หรือทำเป็นบุหงารำไป ช่วยเพิ่มความหอมสดชื่นให้บ้านก็ได้นะคะ งั้นเรามาเริ่มทำไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ

    1. ตากดอกไม้เพื่อทำดอกไม้แห้งให้ฟอร์มยังคงความสวยงามอยู่เหมาะเดิม

    วิธีทำมีดังนี้

    1. เลือกดอกไม้ที่ต้องการทำเป็นดอกไม้แห้ง  เด็ดกลีบช้ำ ขาด แหว่ง หรือไม่สวยทิ้งไป

    2. ตัดก้านดอกไม้ออกสักนิด แต่ต้องไม่น้อยกว่า 6 นิ้ว

    3.  ใช้เชือกมัดตรงปลายก้านรวมกันเป็นช่อ สำหรับแขวนกลับหัว ให้ดอกไม้ห้อยลงล่าง ก้านชี้ขึ้นข้างบน เพื่อรักษาตัวดอกไม้ให้คงรูป ในห้องที่มีอากาศถ่ายเท ป้องกันการเกิดเชื้อราที่กลีบของดอก

    4. ทิ้งไว้ 2-3 สัปดาห์ดอกไม้จะแห้งสนิท และก้านจะตั้งตรงไม่หักงอ 

    วิธีนี้เหมาะกับดอกไม้ที่มีกลีบหนาและทน แต่ไม่เหมาะกับดอกไม้ประเภทกลีบบางช้ำง่าย เพราะกลีบจะเหี่ยวย่น ยับยู่ หรืออาจจะร่วงระหว่างตากลมได้ค่ะ

      

     

    2. แช่ด้วยสารดูดความชื้น หรือซิลิก้าเจล เป็นสารที่ใส่อยู่ในถุงเล็กๆ ที่ติดมากับห่อขนม กล่องรองเท้า กระเป๋า หรือผลิตภัณฑ์บางประเภท สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายเคมีทั่วไป และสามารถใช้ซ้ำได้เรื่อยๆ

    วิธีการทำมีดังนี้

    1. เอาสารดูดความชื้นใส่ในภาชนะทรงสูง แล้วตั้งดอกไม้ให้ตรง จัดให้อยู่ในทรงที่เราต้องการ

    2. เทสารดูดความชื้นให้ดอกไม้ให้มิด

    3. ปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 3-7 วัน แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ หรือถ้าอยากได้เฉพาะดอก ก็สามารถตัดก้านออกได้ แล้วใส่ในภาชนะที่ไม่ต้องสูงมาก 

    4. เอาเข้าไมโครเวฟ 1-2 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย หรือหากไม่มีไมโครเวฟ ก็สามารถวางทิ้งไว้เฉยๆ ได้ แต่จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์

    5. ล้างมือให้สะอาด ภาชนะที่นำมาใช้ก็ทิ้งไปเลยนะคะ หรือนำไปใช้อย่างอื่นก็ได้ แต่ห้ามใช้ใส่อาหารเด็ดขาด

     

     

    3. การทับดอกไม้ วิธียอดฮิตสมัยเด็กๆ

    วิธีการทำมีดังนี้ 

    1. เลือกดอกไม้ ควรใช้ดอกไม้ที่มีขนาดเล็กและแบน หลีกเลี่ยงการใช้ดอกไม้ที่มีก้านอ้วนๆ หรือที่มีกลีบบาง เพราะจะได้รับความเสียหายได้ง่าย
     
    2. วางดอกไม้บนกระดาษที่ผิวแห้ง ด้าน ไม่มันเงา เช่น หนังสือพิมพ์ กระดาษแข็งหรือกระดาษทิชชู่
     
    3. นำไปสอดไว้ในหนังสือเล่มหนาอีกครั้ง อาจใส่กล่อง หรือแผ่นไม้หนักๆ วางทับลงอีกที ทิ้งไว้ประมาณ 1-3 อาทิตย์ แค่นี้ก็จะได้ดอกไม้แห้งที่บางเรียบคงตัวตามแบบที่จัดไว้ แล้วอาจนำไปใส่กรอบรูป หรือเคลือบทำเป็นที่คั่นหนังสือก็ได้
     
      
     
     
    4. การอบแห้งในเตาอบลมร้อน
     
    วิธีการทำมีดังนี้
    1. เตรียมดอกไม้ที่ต้องการ แล้วตัดลวดตาข่ายแบบดัดได้ ขนาดใหญ่พอสำหรับดอกไม้ จากนั้นวางดอกไม้พาดช่องว่างของตะแกรง
     
    2. เปิดไฟวอร์มเตาอบก่อน และควรใช้เตาอบลมร้อนที่ระบายอากาศได้ดี โดยใช้อุณหภูมิต่ำ เมื่อเตาอบร้อนถึง 38ºC ให้วางตะแกรงที่เรียงดอกไม้ใส่เข้าไปในเตาอบ
     
    3. ปล่อยทิ้งไว้ในเตาอบลมร้อนประมาณ 1 ชั่วโมง การใช้ระยะเวลาในการอบแห้งจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดและจำนวนของดอกไม้ที่ใช้ ไม่ควรใช้เตาอบทั่วไป เพราะมีความชื้นมากเกินไป
     
    4. เมื่อดอกไม้แห้งสนิทแล้ว นำออกมาจากเตาอบและพักไว้บนตะแกรงให้เย็นลง แล้งฉีดสเปรย์ใส่ผม หรือสารคงสภาพดอกไม้ เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ทนทานของดอกไม้แห้ง
      
     

    ลองทำตามกันดูนะคะ เป็นวิธีที่ง่ายๆ มีให้เลือกหลายวิธี และหากเพื่อนๆ คนไหน ทำแล้วติดใจ อาจลองทำขายก็ได้นะคะ ใช้เวลาว่างให้เกินประโยชน์ แถมยังสามารถทำเป็นรายได้เสริมได้อีกด้วยค่ะ 

     

    ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest