7 สิ่งที่คนรักบ้านควรเช็ค
By vLIVING PRO26 กรกฎาคม 2561 11:03:16

บ้านคือสิ่งที่ต้องดูแลรักษา เพราะเป็นสิ่งที่เราใช้ชีวิตมากที่สุด มาเช็คกันดีกว่า จุดไหนที่ควรระวังหรือดูแลเพื่อให้ไม่เกิดความเสี่ยงหรือต้องเสียเงินซ่อมบำรุงบานปลาย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

vLIVING PRO
สนใจติดต่อโฆษณาเว็บไซต์กับ vLIVING PRO โทร.02-101-9493 #16, 082-359-3382
บทความอื่นที่น่าสนใจ
  • เฟอร์นิเจอร์หนัง จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ และควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องเหมาะสมทำความสะอาดให้ถูกวิธี เพื่อให้โซฟายังคงสภาพดี สวยงามอยู่เสมอ รวมทั้งต้องมีความพิถีพิถัน เพื่อป้องกันไม่ให้โซฟาหนังเสียหายด้วย วิธีทำความสะอาดโซฟาหนังที่ถูกต้องเป็นอย่างไร? และมีอะไรบ้าง? มาดูกันค่ะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    โซฟาหนังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาด้วยนะคะ 

     

     

     

  • ปัญหาหลังคารั่วซึมที่เกิดขึ้นในฤดูฝน ทำให้น้ำหยดไหลเข้ามาในบ้าน คงเป็นเรื่องที่น่าหนักใจไม่น้อยสำหรับเจ้าของบ้านเลยทีเดียว  ปัญหาหลังคารั่ว เกิดได้หลายสาเหตุ และหลายจุด แต่ที่พบบ่อยๆ มีอยู่ 7 จุด ดังนี้

     

    1. น้ำฝนรั่วบริเวณรางน้ำตะเข้ เกิดจากรางตะเข้เป็นสนิม ผุกร่อน หรือรางน้ำทำจากแผ่นโลหะพับเป็นรูปตัววี ทำให้ความลึกของท้องรางมีน้อย และปีกสั้น

    วิธีแก้ไข คือ ควรใช้รางน้ำที่ลึกและกว้างมากขึ้น ทำมาจากสแตนเลสที่ได้มาตรฐาน ไม่เป็นสนิม สามารถช่วยรองรับ และระบายน้ำฝนได้ดี

     

     

     

     

    1. น้ำฝนรั่วจากแผ่นกระเบื้อง เนื่องจากแผ่นกระเบื้องแตก หรือร้าว ทำให้เกิดน้ำรั่วซึมไหลเข้าบ้าน

    วิธีแก้ไข คือ ควรเปลี่ยนกระเบื้องใหม่ กรณีที่มีช่องหรือรู ควรใช้วัสดุยาแนว เช่น โพลียูรีเทน ที่มีความยืดหยุ่นสูง

     

     

     

    1. น้ำรั่วบริเวณอุปกรณ์ยึดกระเบื้อง เช่น ตะปูเกลียว หรือ ขอป.ปลา เสื่อมสภาพ แหวนยางแห้งกรอบ และหมวกสังกะสีผุ เป็นสนิม

    วิธีแก้ไข คือ ถอดหมวกสังกะสี และแหวนยางอันเก่าออก แล้วใส่อุปกรณ์สำหรับยึดกระเบื้องหลังคาใหม่หมดทั้งชุด ควรเลือกใช้อุปกรณ์ยึดแบบที่มีความหนา และขนาดใหญ่ขึ้นกว่าของเก่า เพื่อจะได้สามารถปิดรูเดิมที่ใหญ่ขึ้นได้

     

     

     

     

    1. น้ำรั่วบริเวณปูนปั้น หรือปีกนก เกิดจากปูนทราย หรือคอนกรีตที่เทไว้แตกร้าว

    วิธีแก้ไข คือ สกัดปูนทรายตรงผิวเดิมบริเวณที่แตกร้าวออก แล้วทารองพื้นด้วยซีเมนต์กันซึม จากนั้นฉาบทับหน้าด้วยปูนทรายละเอียด เพื่อช่วยให้เกิดความสวยงาม

     

     

     

    1. น้ำฝนรั่วบริเวณชายคา เพราะชายกระเบื้องยื่นเลยเชิงชายออกมาน้อยเกินไป และหลังคามีความลาดเอียงหรือความชันน้อยเกินไป ทำให้ระบายน้ำได้ไม่ดี เกิดเป็นน้ำสะสม และทำให้น้ำไหลย้อนกระเบื้อง ไหลเข้าในบ้าน

    วิธีแก้ไข คือ เปลี่ยนกระเบื้องแถวล่างให้มีความยาวมากขึ้น

     

     

     

    1. โครงสร้างของหลังคาแป แอ่น และยุบตัว เกิดจากการเสื่อมสภาพของวัสดุที่ใช้ เช่น โครงหลังคาอาจผุพัง เป็นสนิม และแอ่นตัว ทำให้กระเบื้องมีช่องโหว่เกิดน้ำรั่วซึม

     

    วิธีแก้ไข คือ ถ้าเป็นโครงหลังคาเหล็ก ควรขัดสนิมที่โครงเหล็กออกก่อน ถ้าโครงทรุดตัว ควรนำไม้มาค้ำเพื่อไม่ให้โครงหลังคาทรุด หรือแอ่น แล้วนำเหล็ก 2 แผ่นมาประกบกับโครงเหล็กที่เป็นสนิม แล้วจึงขันน๊อตให้แน่น

     

    สำหรับโครงหลังคาไม้ ตัดไม้เก่าที่ผุออก นำไม้ 2 แผ่นมาประกบกับโครงไม้ที่ผุ แล้วขันน๊อตให้แน่น จากนั้นนำไปดามโครงหลังคาไม้ขึ้นให้ติดกระเบื้อง เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างระหว่างกระเบื้อง และป้องกันน้ำรั่วซึม

     

     

     

    1. หลังคารั่วตรงที่ครอบสันหลังคา เมื่อน้ำฝนกัดเซาะมาเป็นเวลานาน ทำให้บริเวณครอบสันหลังคาแตกร้าว หรือหลุดร่อน จึงทำให้น้ำรั่วไหลผ่านช่องที่แตกร้าวเข้าในบ้านได้

     

    วิธีแก้ไข คือ ใช้ปูน นอน-ชลิงค์ (ปูนที่ไม่หดตัว) อุดรอยรั่วแตกร้าว ระหว่างครอบสันหลังคากับแผ่นกระเบื้องหลังคา ไม่ให้มีช่องโหว่ ทาน้ำยาอะคริลิกกันซึมทับอีกชั้นหนึ่ง หรือในกรณีที่หลังคาเดิมติดตั้งเป็นระบบครอบแห้ง (วิธีการสังเกตระบบครอบแห้งคือ บริเวณตรงครอบหลังคาไม่มีปูนทราย) ต้องเปิดครอบสันหลังคาที่แตกร้าวออก แล้วเช็คสภาพแผ่นยางกันการรั่วซึมด้านใต้ด้วย หากแผ่นยางเสื่อมสภาพ ควรทำการเปลี่ยนแผ่นยางใหม่ให้เรียบร้อย

    เมื่อได้ทราบถึงจุดที่อาจจะทำให้เกิดหลังคารั่วซึมแล้ว ลองนำวิธีการข้างต้นไปตรวจสอบบ้านที่คุณรักดูนะคะ หวังว่าทุกท่านจะสามารถแก้ไขปัญหาหลังคารั่วซึมได้ เพื่อพร้อมรับมือกันหน้าฝนที่กำลังจะมาเยือน ได้อย่างสบายใจ และมีความสุขค่ะ

     

    ขอบคุณภาพจาก Pinterest

  •        พูดถึงที่ดินก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ เพราะถือว่าเป็นหลักปัจจัย 4 ในการดำรงชีพของมนุษย์ ไว้เป็นที่อยู่อาศัยพึ่งพิงแล้วหากเรามีที่ดินเปล่าที่ยังไม่คิดจะใช้งานในที่ดินผืนนี้ เราควรจะรักษาสิทธิ์อย่างไรบ้างวันนี้เรามาดูกันว่า การดูแลที่ดินที่เราได้ซื้อไว้แล้วยังไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์จะต้องดำเนินการอย่างไรบ้างมาดูกัน

     

     

    ควรไปดูแลที่ดินอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อไม่ปล่อยไว้เป็นที่รกร้าง

     

     

    2.หากไปดูที่ดินแล้วควรสอบถาม ชาวบ้านบริเวณนั้น ว่าที่ดินมีใครเข้ามาบุกรุกหรือเข้ามาวุ่นวายไหม

     

     

    3.ตรวจสอบหลักหมุดว่ามีการชำรุดหรือมีการเคลื่อนย้ายไหม  หากหลักหมุดหายไปสิ่งที่ควรทำคือ

    3.1แจ้งตำรวจเพื่อดำเนินคดี(ไม่ใช่แจ้งเป็นหลักฐานแค่ลงบันทึกประจำวัน)เพราะการทำลายหลักหมุดเป็นคดีอาญา

    3.2แจ้งที่ดินเพื่อดำเนินการสอบหมุดรังวัดใหม่

     

     

    4.รังวัดที่ดินในทุกๆ5 ปี เพราะที่ดินอาจจะเพิ่มหรือลดได้ ยิ่งที่ดินอยู่ริมแม่น้ำหรือริมตลิ่ง

     

    5.หากมีคนเข้ามาอาศัยในพื้นที่เรา ควรเข้าไปเจรจาว่าเค้ารุกล้ำที่ดินของเราอยู่  หากเค้าต้องการที่จะเช่าหรือซื้อก็ควรจะเจรจาให้เรียบร้อยไม่ใช่มาบุกรุกที่ดินคนอื่น

     

     

    6.ที่ดินควรล้อมรั้วเพื่อกำหนดขอบเขตให้ชัดเจนว่าเป็นที่ดินมีเจ้าของ

     

    7.ติดป้ายไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเพื่อให้ได้รู้ว่าไม่ใช่ที่ดินสาธารณะ ไม่ให้ใครมารุกล้ำ

     

     

    8.คอยเช็คดูว่ามีร่องรอยของทางเดินรถผ่านไหม เพราะที่ดินอาจโดนใช้เป็นทางผ่านรถไปได้หากเราไม่เข้าไปดูแล

     

     

    คนที่เป็นเจ้าของไม่ควรปล่อยที่ดินไว้โดยไม่ได้ไประบุ ว่าเป็นที่ดินของตนเอง เพราะหากเราปล่อยไว้อาจจะมีคนเข้ามาใช้ประโยชน์บนที่ดินของเรา เพราะอาจจะเกิดการครอบครองปรปักษ์ได้   การครอบครองปรปักษ์ คือการแย่งกรรมสิทธิ์ ของเจ้าของที่ดินโดยการเข้าไปในที่ดินที่มีฉโนดของผู้อื่นโดยสงบหรือเปิดเผย ด้วยการแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของและได้ใช้ประโยชน์ติดต่อมาถึง 10 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วคนนั้นจะได้เป็นเจ้าของโดยทันทีเพราะเหตุนี้เราจึงต้องเข้าไปดูที่ดินว่างเปล่าที่เราคิดว่าไม่มีประโยชน์บ่อยๆนะครับ

  • การเชื่อมเป็นการต่อวัสดุของเหล็กให้รวมตัวเข้าด้วยกัน แล้วสงสัยมั้ยว่า

    เชื่่อมแต้มมันต่างจากเชื่่อมเหล็กทั่วไปตรงไหนมาติดตามอ่านกันได้เลยครับ