การจัดพื้นที่บ้านให้เหมาะสมกับทิศทางของแดดและลม เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก ที่เราไม่สามารถมองข้างได้ จึงควรทำความเข้าใจในเรื่องทิศทางแดดและลม ตามแต่ละฤดูกาลของบ้านเราอย่างถูกต้อง เพื่อช่วยทำให้ให้บ้านไม่ร้อน มืดทึบ หรือมีกลิ่นเหม็นอับ ในตอนกลางวัน
แสงแดดในยามเช้า จะวิ่งจากทิศตะวันออก แล้วอ้อมโค้งไปทางทิศใต้ ก่อนจะตกลงในทิศตะวันตก ทำให้ทิศใต้ไปจนถึงทิศตะวันตก จะได้รับแสงแดดมากที่สุด คือ ตั้งแต่หลังเที่ยงวันไปจนถึงเวลา 5 โมงเย็น ดังนั้นจึงควรใช้ทิศทางนี้ในการทำกิจกรรมต่างๆที่ต้องการแสงแดด เช่น ใช้ตากผ้า หรือปลูกต้นไม้ที่ต้องการแสงแดด เป็นต้น
ทางทิศตะวันออกจะได้รับแสงอ่อนๆในตอนเช้า และแดดจะแรงจัดในช่วงเวลา 10 โมงเช้าถึงเที่ยงวัน
ทางทิศเหนือจะได้รับแสงแดดน้อยที่สุด เหมาะกับห้องที่ต้องการแสงน้อย เช่น ห้องนอน และห้องรับแขก เป็นต้น
ตำแหน่งของบ้านที่ลมสามารถวิ่งผ่านได้ดี คือ ต้องอยู่ในแนวผ่านของลมประจำฤดู ดังนี้
หน้าหนาว ลมจะพัดจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้
หน้าร้อน และหน้าฝน ลมจะพัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ ไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ขนาดของช่องลมเข้า – ออกที่ดีที่เหมาะสำหรับบ้าน คือ
ช่องลมเข้า ควรมีขนาดเล็กกว่า หรือเท่ากับช่องลมออก
ถ้าช่องลมเข้ามีขนาดใหญ่กว่า แล้วช่องลมออกมีขนาดเล็กกว่า หรือไม่มีช่องลมออกเลย
จะทำให้อากาศถ่ายเทได้ไม่สะดวก และควรหันด้านที่ยาวที่สุดของตัวบ้านเข้าหาทิศทางของลม เพื่อให้ลมธรรมชาติสามารถพัดเข้าในตัวบ้านได้ เป็นการช่วยระบายความร้อนออกจากตัวบ้านให้ได้มากที่สุด ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายาจากการเปิดใช้เครื่องปรับอากาศได้อีกด้วย
เมื่อทราบถึงทิศทางของแสงแดด และสายลมแล้ว ก็จะช่วยให้เราสามารถปรับเปลี่ยน แก้ไขบ้านได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้บ้านมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก มีทั้งลมเข้า ลมออก และบ้านของเราจะเป็นบ้านที่เย็นสบายตลอดทั้งปี
แก้ไขความคิดเห็น